OKMD กระตุกต่อมคิด สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ - Opportunity for All
กระตุกต่อมคิด เพื่อพัฒนาความคิด เพิ่มความรู้ สร้างสรรค์ภูมิปัญญา

“เมืองหนังสือมือสอง” Hay-on-Wye ในอังกฤษ และ Fjærland ในนอร์เวย์

1447 | 17 พฤษภาคม 2564
“เมืองหนังสือมือสอง” Hay-on-Wye ในอังกฤษ และ Fjærland ในนอร์เวย์
สำหรับหนอนหนังสือตัวยง หลายคนอาจคิดฝันถึง “เมืองหนังสือ” ที่ทั้งเมืองเต็มไปด้วยร้านหนังสือ 

คุณเชื่อไหมว่า เมืองแบบนั้นมีอยู่จริง และไม่ได้มีอยู่เพียงเมืองเดียวในโลกด้วย ทว่าทอดตามองทั่วทั้งโลกแล้ว เรามี “เมืองหนังสือมือสอง” อยู่มากถึง 45 เมืองเลยทีเดียว

ไปทำความรู้จักกับ “เมืองหนังสือมือสอง” กัน

จุดเริ่มต้นของเมืองหนังสือ
กำเนิดของ “เมืองหนังสือ” นั้นเก่าแก่มาก เพราะนับย้อนกลับไปได้ถึงปี พ.ศ.2503 คือกว่าหกทศวรรษที่แล้ว เมื่อกระทาชายนายหนึ่ง คือคุณริชาร์ด บูธ (Richard Booth) ได้ริเริ่ม “เมืองหนังสือ” หรือ Book Town ขึ้นในเมืองเล็กๆ แสนสวยแห่งหนึ่งในแคว้นเวลส์ของสหราชอาณาจักร

เมืองแห่งนั้นมีชื่อว่า เฮย์ออนไวย์ (Hay-on-Wye) หรือหมายถึงเมืองเฮย์ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำไวย์นั่นเอง

แนวคิดของคุณบูธคือการนำโรงภาพยนตร์ที่ไม่ได้ดำเนินการแล้วมาเป็นแหล่งรวมหนังสือมือสองจำนวนนับพันเล่ม 

ปรากฏว่าแนวคิดนี้ได้รับการตอบรับอย่างดี จนในที่สุด เมืองเฮย์ออนไวย์ ก็เต็มไปด้วยร้านหนังสือมือสองในรูปแบบต่างๆ ทั้งร้านที่ขายหนังสือแนวทริลเลอร์โดยเฉพาะ ร้านที่ขายหนังสือเก่าหายากสำหรับนักสะสม และกระทั่งปราสาทประจำเมืองที่ตั้งอยู่บนยอดเนินสูงสง่า ก็ถูกปรับกลายมาเป็นร้านหนังสือมือสองขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีหนังสือนับหมื่นเล่มด้วย

ในที่สุด Hay-on-Wye ก็กลายเป็นจุดสนใจและแหล่งรวมคนรักหนังสือจากทั่วทุกมุมโลก และกลายเป็นแรงบันดาลใจทำให้เมืองอื่นๆ ทั่วโลก พยายามสร้างตัวขึ้นมาเป็น “เมืองหนังสือ” ด้วย จนเกิดเมืองหนังสือมากถึง 45 เมือง ใน 4 ภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย

การเป็นเมืองหนังสือไม่ได้แค่ตอบรับหนอนหนังสือเท่านั้น เมืองหนังสือมักเป็นเมืองในชนบทเล็กๆ สงบเงียบ และแสนสวย แต่เมื่อเป็นเมืองหนังสือแล้ว และเกิดเทศกาลหนังสือประจำปีขึ้น ก็ทำให้เกิดการพัฒนาชนบทและเกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนขึ้นมาด้วย

“เมืองหนังสือ” จึงเป็นแบบอย่างหนึ่งของการพัฒนาชนบทและการท่องเที่ยววิถีใหม่ และป็นพัฒนาการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอย่างหนึ่ง ทั้งยังสร้างให้เกิดการส่งเสริมการอ่าน เป็นการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเมืองหนังสือ พร้อมกับการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในชนบท และยกระดับคุณภาพของเมืองหนังสือ ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ทักษะระหว่างเมืองหนังสือกับผู้ขายแต่ละรายและธุรกิจอื่น ๆ ด้วยวิธีการเหล่านี้ช่วยรักษามรดกทางวัฒนธรรมในระดับภูมิภาค ระดับชาติ และระดับนานาชาติต่อไป 

Fjærland Book Town 1 ใน 45 เมืองหนังสือมือสอง
เมืองหนังสือเมืองหนึ่งที่อยากแนะนำให้คุณรู้จัก คือเมืองหนังสือในนอร์เวย์ เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากกรุงออสโลประมาณ 350 กิโลเมตร 

เมืองนี้ ผู้มาเยือนจะได้หลงใหลไปกับเสน่ห์ของบ้านไม้ริมน้ำรูปทรงน่ารัก ภูเขาเขียวสูงตระหง่าน และธารน้ำแข็งที่สวยงามราวกับภาพวาด บรรยากาศสงบเงียบ ท่วงทำนองทีเนิบช้าสวยงาม และความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ในแบบ Nordic 

ทั้งหมดนี้ให้เห็นทันทีในย่างก้าวแรกบนถนนหลักเส้นเล็กๆ ของเมืองที่มีประชากรอยู่เพียงแค่ 300 คน หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า Mundal หรือ Fjærland ถือเป็นเมืองหนังสือแห่งแรกของนอร์เวย์ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2538  

กลิ่นหนังสือมือสองที่หอมเกินต้าน 
เมื่อเดินไปตามทางเล็กๆ ของหมู่บ้านผ่านร้านหนังสือน้อยใหญ่ เอกลักษณ์หนึ่งที่รับรู้ได้ทันทีคือ “กลิ่นหอมกรุ่นของหนังสือมือสอง” ที่ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดีได้ถูกจัดวางไว้ตามชั้นหนังสือภายในร้าน 

นอกจากร้านหนังสือมือสองที่ถูกแปลงโฉมจากอาคารเก่าๆ แล้ว แทบทุก 5-10 เมตร ก็จะมีร้านหนังสือตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในห้องรอเรือข้ามฟาก ร้านขายของชำ ธนาคาร ที่ทำการไปรษณีย์ หรือแม้แต่ในตู้โทรศัพท์ จุดนั่งพักรอรถ เพิงเล็กๆ ก็ยังมีหนังสือวางไว้ให้ซื้อหา และความน่ารักของเมืองหนังสือแห่งนี้คือ หลายๆ ร้านจะไม่มีคนขาย แต่จะให้บริการตัวเอง และใช้ระบบความซื่อสัตย์ โดยจัดวางกล่องเล็กๆ ไว้ให้บรรดานักอ่านใส่เงินค่าหนังสือราคาตามป้ายที่ติดไว้ 

ที่นี่ยังมีร้านหนังสือทันสมัยขนาดค่อนข้างใหญ่ อย่างเช่น Den norske bokbyen ซึ่งมีหนังสือหลากหลายประเภทที่ดึงดูดผู้มาเยือนให้เข้ามาเพลิดเพลินกับการเลือกอ่านก่อนที่จะตัดสินใจซื้อได้นานนับหลายชั่วโมงอีกด้วย

คนในหมู่บ้านนี้บอกว่า ถ้านำชั้นหนังสือมือสองของทั้งเมืองที่มีมากกว่า 150,000 เล่ม มาวางเรียงกันจะมีความยาวถึง 3 ไมล์ และในช่วงฤดูร้อน คือเดือนพฤษภาคมจนถึงประมาณกลางเดือนกันยายน ชาวเมืองและผู้มาเยือนจะออกมานั่งอ่านหนังสือ และจิบน้ำชากลางแจ้ง ท่ามกลางทัศนียภาพที่งดงาม ที่นี่ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่อ่านหนังสือด้วยความสงบอย่างแท้จริง ส่วนในฤดูหนาวส่วนมากก็จะใช้วิธีการสั่งซื้อทางออนไลน์

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ “เมืองหนังสือมือสอง” ที่น่ารักและเป็นประโยชน์ในหลายมิติ และหลายคนคงอยากให้มีแบบนี้ในไทยบ้าง


ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น

"โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น"
1. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ เป็นอันขาด
2. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว ... (อ่านทั้งหมด)