บาริสต้า ผู้สร้างสรรค์มนต์เสน่ห์ให้กับกาแฟ
บาริสต้า คือคนที่อยู่เบื้องหลังรสชาติ และสร้างสรรค์มนต์เสน่ห์ให้กับกาแฟ กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และแพร่หลายในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว จากสถิติประชากรกว่า 70 ล้านคนในประเทศไทย มีคนที่ดื่มกาแฟเฉลี่ยต่อคนถึงปีละกว่า 200 แก้ว ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 41 ของโลก และเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียนเลยทีเดียว โดยมีข้อมูลระบุว่าในปี 2560 ธุรกิจร้านกาแฟในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 21,220 ล้านบาท และยังเติบโตขึ้นสูงถึง 10 % ต่อปีอีกด้วย ในช่วงเวลาที่ธุรกิจกาแฟกำลังเติบโตไปข้างหน้าก็ได้ทำให้บาริสต้าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการประกอบอาชีพในปัจจุบัน
4 คุณสมบัติเบื้องต้นสำหรับการเป็นบาริสต้า :
สำหรับผู้ที่ความชื่นชอบหรือหลงใหลในกาแฟ พร้อมที่จะใช้เวลาอยู่กับการแฟได้ตลอดเวลา และสนใจในการก้าวเข้าสู้เส้นทางการเป็นบาริสต้า มีดังนี้
หน้าที่หลัก 5 ข้อของการเป็นบาริสต้า
เมื่อเช็คลิสต์ผ่านทั้ง 4 แล้ว สิ่งสำคัญเบื้องต้นที่ต้องรู้และต้องเข้าใจต่อไป ก็คือ หน้าที่หลัก 5 ข้อของการเป็นบาริสต้า ซึ่งประกอบไปด้วย
หลังจากนั้น เรามาเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นบาริสต้ากันต่อ ผู้ที่จะใช้ศาสตร์ของกาแฟมาสร้างสรรค์เป็นศิลปะที่ดื่มได้ มีสิ่งสำคัญที่จะต้องฝึกฝนและเรียนรู้ 4 เรื่อง คือ
ระดับการคั่ว ยิ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ว่า คั่วระดับไหนจะได้กาแฟรสชาติใด โดยเริ่มจาก
การคั่วกาแฟระดับอ่อน (Light roast) จะได้เมล็ดสีน้ำตาลอ่อนผิวแห้งจะคงรสธรรมชาติจากแหล่งปลูกมีรสผลไม้เด่นชัดค่อนข้างเปรี้ยวเหมาะสำหรับดื่มแบบไม่ผสมนมและน้ำตาล
การคั่วกาแฟระดับระดับปานกลาง (Medium roast) จะได้เมล็ดสีน้ำตาลกลางไปถึงเข้ม ผิวแห้ง ให้รสชาติของผลไม้ที่ลดลงแต่จะให้กลิ่นของช็อกโกแลตและถั่วที่เพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับเมนูกาแฟร้อนผสมนม
การคั่วกาแฟระดับระดับเข้ม (Dark roast) จะได้เมล็ดสีเข้มเกือบดำมีน้ำมันเคลือบผิวเป็นเงาให้รสขมเข้มมากกว่ารสผลไม้เหมาะสำหรับเมนูกาแฟเย็นผสมนม
ที่สำคัญเมล็ดกาแฟต้องถูกบรรจุอยู่ในถุงที่ปิดสนิทแสงแดดเข้าไม่ถึง และไม่ควรซื้อมากักตุนเพราะหลังคั่วกลิ่นหอมของกาแฟจะลดระดับลงไปเรื่อยๆ
ข้อที่สอง ทำความรู้จักกับศาสตร์การชิมกาแฟ เพื่อฝึกการรับรสของกาแฟให้ได้ทั้งกลิ่นรสชาติและรสสัมผัสอย่างครบถ้วน โดยเริ่มที่
Aroma ยกแก้วกาแฟขึ้นมาใกล้กับจมูกสูดดมกลิ่นกาแฟให้เต็มที่แล้วลองจินตนาการดูว่ามีกลิ่นของอะไรปะปนอยู่บ้าง
Flavor สูดกาแฟให้มีเสียงดังหรือเรียกว่า Slurp ซึ่งจะช่วยให้อุณหภูมิกาแฟลดลงและปิดโพรงจมูกให้รับกลิ่นอย่างเต็มที่เพื่อจะได้เข้าถึงรสชาติของกาแฟได้มากขึ้น
Finish หรือ After testหลังจากกลืนกาแฟแล้วให้กลืนน้ำลายอีกครั้ง แล้วแตะลิ้นที่เพดานปากหายใจเข้าเพื่อสังเกตรสชาติที่คงค้างอยู่
ข้อที่สาม การชงกาแฟแบบมืออาชีพ อุปกรณ์ในการชงกาแฟมีอยู่หลายชนิด ซึ่งจะมีวิธีการใช้ และผลลัพท์ของกาแฟที่ได้แตกต่างกัน ทั้งกลิ่น สี และรสชาติ และอุปกรณ์ที่บาริสต้ามืออาชีพนิยมใช้กันมากที่สุดคือ Espresso Machine หรือเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ ซึ่งจะใช้น้ำร้อนที่มีแรงดันไอน้ำในหม้อต้มสกัดเอาน้ำกาแฟออกมาเพื่อให้ได้รสชาติของกาแฟที่เข้มข้นที่เรียกว่า Espresso Shot เราจะสามารถรู้ได้ว่ากาแฟที่ชงเป็น Espresso Shot ที่สมบูรณ์ หรือ Perfect Shot ได้ด้วยวิธีการสังเกตดังนี้
นอกจาก Espresso Machine ที่เราคุ้นตากันอยู่แล้ว ก็ยังมีวิธีการชงกาแฟในรูปแบบอื่นๆ ที่บาริสต้าจะต้องเรียนรู้เพื่อสามารถนำไปบริการลูกค้าได้อีก เช่น
ลาเต้อาร์ต หรือ ศิลปะจากฟองนมนั้น มีเทคนิคการเทอยู่ 3 วิธีด้วยกัน
สุดท้ายคือ ดูแลรักษาเครื่องมือหลังเสร็จสิ้นการใช้งาน
ซึ่งมีเคล็ดไม่ลับ คือ การต้องล้างหัวชงกาแฟทุกครั้ง หลังจากใช้กาแฟหมดไป 1 กิโลกรัม นอกจากนั้นควรจะต้องทำความสะอาดเครื่องบดอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง อีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นบาริสต้า ตั้งแต่การเลือกสรรเมล็ดกาแฟ จนถึงต้องรู้จักศาสตร์ของการชิมกาแฟ และรู้จักวิธีการชงกาแฟแบบมืออาชีพ นอกจากนั้นก็จะต้องเข้าใจวิธีการดูแลรักษาเครื่องมือหลังเสร็จสิ้นการใช้งานอีกด้วย
เมื่อพร้อมเเล้วก็ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของ “บาริสต้า” ผู้ที่หลอมรวมศาสตร์และศิลป์ของกาแฟมาเป็นเครื่องดื่มที่โลกนี้ขาดไม่ได้...
หากสนใจอยากรู้จักบาริสต้ามากขึ้น สามารถติดตามได้จากคลิปวิดีโอนี้ : www.okmd.or.th/knowledgebox/283/
4 คุณสมบัติเบื้องต้นสำหรับการเป็นบาริสต้า :
สำหรับผู้ที่ความชื่นชอบหรือหลงใหลในกาแฟ พร้อมที่จะใช้เวลาอยู่กับการแฟได้ตลอดเวลา และสนใจในการก้าวเข้าสู้เส้นทางการเป็นบาริสต้า มีดังนี้
- ชอบดื่มกาแฟ : ควรต้องเป็นคนที่หมั่นชิม วิเคราะห์ สร้างสรรค์เมนูพิเศษ และศึกษาศาสตร์ของกาแฟเพิ่มเติมอยู่เสมอ
- ช่างสังเกต : บาริสต้าจำเป็นจะต้องสังเกตการทำงานในทุกๆ กระบวนการ ทั้งการคัดเลือกเมล็ดกาแฟ การชง และการจดจำข้อมูลความต้องการของลูกค้าแต่ละคนเพื่อการให้บริการในครั้งต่อไป
- มีความซื่อสัตย์ : ไม่เอาเปรียบลูกค้า ใส่ใจในเรื่องของความสะอาด และวัตถุดิบ ก่อนที่กาแฟจะถึงมือลูกค้าบาริสต้าจะต้องมั่นใจว่าเป็นกาแฟที่ดีที่สุดเสมอ
- รู้จักเปิดใจ : ยอมรับในคำวิจารณ์ และแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงและพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งขึ้น
หน้าที่หลัก 5 ข้อของการเป็นบาริสต้า
เมื่อเช็คลิสต์ผ่านทั้ง 4 แล้ว สิ่งสำคัญเบื้องต้นที่ต้องรู้และต้องเข้าใจต่อไป ก็คือ หน้าที่หลัก 5 ข้อของการเป็นบาริสต้า ซึ่งประกอบไปด้วย
- การจัดเตรียม และชงกาแฟ : บาริสต้าจะต้องจัดเตรียมวัตถุดิบที่จะต้องใช้ในการชงกาแฟ โดย หมั่นตรวจสอบคุณภาพของเมล็ดกาแฟ และอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา
- การรักษาความสะอาดเครื่องมือ : โดยหมั่นเช็ดล้างทำความสะอาดเครื่องมือเครื่องใช้บริเวณบาร์อยู่เสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูกค้า และภาพลักษณ์ที่ดีของร้านกาแฟ
- การแนะนำเครื่องดื่ม : บาริสต้าจำเป็นต้องมีความสามารถในการนำเสนอเครื่องดื่มที่เหมาะสมและสนองต่อความต้องการและรสนิยมของลูกค้าได้
- การเช็คสต็อกสินค้า : โดยหมั่นตรวจสอบปริมาณวัตถุดิบภายในร้านให้เพียงพอ และจะต้องไม่นำสินค้าเสื่อมคุณภาพมาให้บริการ
- การรักษาความสะอาดอุปกรณ์ : ภายหลังจากให้บริการลูกค้าในแต่ละวัน บาริสต้าจำเป็นต้องดูแลรักษาทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ในร้านกาแฟให้อยู่ในสภาพที่ดี เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับในวันถัดไป เพื่อยืดอายุการใช้งาน และคงไว้ซึ่งรสชาติของกาแฟที่ได้มาตรฐานสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ
หลังจากนั้น เรามาเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นบาริสต้ากันต่อ ผู้ที่จะใช้ศาสตร์ของกาแฟมาสร้างสรรค์เป็นศิลปะที่ดื่มได้ มีสิ่งสำคัญที่จะต้องฝึกฝนและเรียนรู้ 4 เรื่อง คือ
- การเลือกเมล็ดกาแฟ
- ศาสตร์การชิมกาแฟ
- การชงกาแฟแบบมืออาชีพ
- การดูแลรักษาเครื่องมือ
- พันธุ์อราบิก้า ให้รสชาตินุ่มหวานละมุนและมีรสเปรี้ยวซับซ้อนกว่าพันธุ์โรบัสต้า มีลักษณะเมล็ดเรียวผอมรอยผ่าตรงกลางคล้ายกับตัว S
- พันธุ์โรบัสต้า ให้รสฝาดและมีกลิ่นหอมที่น้อยกว่ากาแฟอราบิก้าแต่จะให้รสชาติที่เข้มข้น และมีคาเฟอีนสูงกว่าถึง 1 - 2 เท่า มีลักษณะเมล็ดอวบอ้วนรอยผ่าตรงกลาง เป็นเส้นตรง
ระดับการคั่ว ยิ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ว่า คั่วระดับไหนจะได้กาแฟรสชาติใด โดยเริ่มจาก
การคั่วกาแฟระดับอ่อน (Light roast) จะได้เมล็ดสีน้ำตาลอ่อนผิวแห้งจะคงรสธรรมชาติจากแหล่งปลูกมีรสผลไม้เด่นชัดค่อนข้างเปรี้ยวเหมาะสำหรับดื่มแบบไม่ผสมนมและน้ำตาล
การคั่วกาแฟระดับระดับปานกลาง (Medium roast) จะได้เมล็ดสีน้ำตาลกลางไปถึงเข้ม ผิวแห้ง ให้รสชาติของผลไม้ที่ลดลงแต่จะให้กลิ่นของช็อกโกแลตและถั่วที่เพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับเมนูกาแฟร้อนผสมนม
การคั่วกาแฟระดับระดับเข้ม (Dark roast) จะได้เมล็ดสีเข้มเกือบดำมีน้ำมันเคลือบผิวเป็นเงาให้รสขมเข้มมากกว่ารสผลไม้เหมาะสำหรับเมนูกาแฟเย็นผสมนม
ที่สำคัญเมล็ดกาแฟต้องถูกบรรจุอยู่ในถุงที่ปิดสนิทแสงแดดเข้าไม่ถึง และไม่ควรซื้อมากักตุนเพราะหลังคั่วกลิ่นหอมของกาแฟจะลดระดับลงไปเรื่อยๆ
ข้อที่สอง ทำความรู้จักกับศาสตร์การชิมกาแฟ เพื่อฝึกการรับรสของกาแฟให้ได้ทั้งกลิ่นรสชาติและรสสัมผัสอย่างครบถ้วน โดยเริ่มที่
Aroma ยกแก้วกาแฟขึ้นมาใกล้กับจมูกสูดดมกลิ่นกาแฟให้เต็มที่แล้วลองจินตนาการดูว่ามีกลิ่นของอะไรปะปนอยู่บ้าง
Flavor สูดกาแฟให้มีเสียงดังหรือเรียกว่า Slurp ซึ่งจะช่วยให้อุณหภูมิกาแฟลดลงและปิดโพรงจมูกให้รับกลิ่นอย่างเต็มที่เพื่อจะได้เข้าถึงรสชาติของกาแฟได้มากขึ้น
Acidity เมื่อน้ำกาแฟกระจายอยู่ในช่องปากให้สำรวจว่ามีความสดใสชุ่มฉ่ำจากกรดผลไม้แค่ไหนถ้าจะให้ดีต้องนุ่มนวลมีสมดุลในรสชาติ
Body เมื่ออมกาแฟไว้สักพักเราจะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นหนักเบาของกาแฟ หรือสิ่งที่เคลือบอยู่ภายในปากที่เรียกว่า Mounth Feel
Body เมื่ออมกาแฟไว้สักพักเราจะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นหนักเบาของกาแฟ หรือสิ่งที่เคลือบอยู่ภายในปากที่เรียกว่า Mounth Feel
Finish หรือ After testหลังจากกลืนกาแฟแล้วให้กลืนน้ำลายอีกครั้ง แล้วแตะลิ้นที่เพดานปากหายใจเข้าเพื่อสังเกตรสชาติที่คงค้างอยู่
ข้อที่สาม การชงกาแฟแบบมืออาชีพ อุปกรณ์ในการชงกาแฟมีอยู่หลายชนิด ซึ่งจะมีวิธีการใช้ และผลลัพท์ของกาแฟที่ได้แตกต่างกัน ทั้งกลิ่น สี และรสชาติ และอุปกรณ์ที่บาริสต้ามืออาชีพนิยมใช้กันมากที่สุดคือ Espresso Machine หรือเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ ซึ่งจะใช้น้ำร้อนที่มีแรงดันไอน้ำในหม้อต้มสกัดเอาน้ำกาแฟออกมาเพื่อให้ได้รสชาติของกาแฟที่เข้มข้นที่เรียกว่า Espresso Shot เราจะสามารถรู้ได้ว่ากาแฟที่ชงเป็น Espresso Shot ที่สมบูรณ์ หรือ Perfect Shot ได้ด้วยวิธีการสังเกตดังนี้
- ครีม่าฟองสีทองด้านบนสุด รสสัมผัสดี และกลิ่นหอม
- บอดี้ที่อยู่ส่วนกลางมีสีน้ำตาลคาราเมล
- ฮาร์ทที่อยู่ก้นถ้วยสีเข้มมีรสชาติขม
นอกจาก Espresso Machine ที่เราคุ้นตากันอยู่แล้ว ก็ยังมีวิธีการชงกาแฟในรูปแบบอื่นๆ ที่บาริสต้าจะต้องเรียนรู้เพื่อสามารถนำไปบริการลูกค้าได้อีก เช่น
- วิธีการสกัดกาแฟโดยให้น้ำไหลผ่านผงกาแฟลงใน Filter โดยใช้เครื่อง Drip Coffee จะทำให้ได้รสชาติกาแฟที่ชัดเจนและนุ่มนวลมีกลิ่นผลไม้
- วิธีการสกัดด้วยการแช่ผงกาแฟในน้ำร้อน โดยใช้เครื่อง French Press รสชาติที่ได้จะใกล้เคียงกับกาแฟดริปแต่เจือจางกว่า และมีรสสัมผัสของกากกาแฟ
- วิธีการต้มน้ำเพื่อกลั่นไอผ่านผงกาแฟ โดยใช้ Moka pot หรือกาต้มกาแฟ จะทำให้ได้น้ำกาแฟที่มีความเข้มใกล้เคียงกับการชงแบบเอสเปรสโซ่
- วิธีการสกัดกาแฟแบบสุญญากาศควบคุมด้วยน้ำหนักการคน โดยใช้เครื่องที่มีชื่อว่า Syphon (ไซฟอน) จะได้รสชาติกาแฟที่เข้มข้น
- วิธีการสกัดกาแฟด้วยการแช่น้ำเย็นที่ใช้เวลานาน 8-12 ชั่วโมง โดยใช้ เครื่อง Cold Brew จะได้รสชาติที่นุ่มนวลและมีความเปรี้ยวน้อยกว่ากาแฟทั่วไป
ลาเต้อาร์ต หรือ ศิลปะจากฟองนมนั้น มีเทคนิคการเทอยู่ 3 วิธีด้วยกัน
- Free hand pour การเทแบบอิสระ เป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยความชำนาญ และสมาธิ ด้วยการเทนมลงในถ้วยกาแฟอย่างช้าๆซึ่งลายที่นิยมใช้เทคนิคนี้ก็คือ ลายหัวใจ และลายใบไม้
- Drag หรือการลาก เป็นเทคนิคที่สามารถสร้างลวดลายได้หลากหลายโดยใช้อุปกรณ์ในการลาก เช่น ไม้จิ้มฟัน หรือแท่งคอกเทล
- แบบผสม คือการผสมเทคนิคของการเทนม และการลากเข้าด้วยกัน โดยต้องอาศัยความชำนาญ และความเร็ว ใช้ในการสร้างลายที่ยากเช่น ลายนก และลายหงส์
สุดท้ายคือ ดูแลรักษาเครื่องมือหลังเสร็จสิ้นการใช้งาน
ซึ่งมีเคล็ดไม่ลับ คือ การต้องล้างหัวชงกาแฟทุกครั้ง หลังจากใช้กาแฟหมดไป 1 กิโลกรัม นอกจากนั้นควรจะต้องทำความสะอาดเครื่องบดอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง อีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นบาริสต้า ตั้งแต่การเลือกสรรเมล็ดกาแฟ จนถึงต้องรู้จักศาสตร์ของการชิมกาแฟ และรู้จักวิธีการชงกาแฟแบบมืออาชีพ นอกจากนั้นก็จะต้องเข้าใจวิธีการดูแลรักษาเครื่องมือหลังเสร็จสิ้นการใช้งานอีกด้วย
เมื่อพร้อมเเล้วก็ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของ “บาริสต้า” ผู้ที่หลอมรวมศาสตร์และศิลป์ของกาแฟมาเป็นเครื่องดื่มที่โลกนี้ขาดไม่ได้...
หากสนใจอยากรู้จักบาริสต้ามากขึ้น สามารถติดตามได้จากคลิปวิดีโอนี้ : www.okmd.or.th/knowledgebox/283/
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น
1. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ เป็นอันขาด
2. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว ... (อ่านทั้งหมด)