วัฒนธรรมอาหารที่น่ามหัศจรรย์ ในแบบแคลิฟอร์เนียสไตล์
เมื่อพูดถึง แคลิฟอร์เนีย หลายคนมักนึกไปถึงแหล่งศูนย์กลางของนวัตกรรมทันสมัยของโลกอย่าง ซิลิคอนแวลลีย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น Apple Google Facebook แต่จริงๆ แล้ว แคลิฟอร์เนียเอง ได้ซุกซ่อนความน่าหลงใหลในวัฒนอาหารที่น่ามหัศจรรย์ไว้มากมาย เราจะนำพาคุณไปรู้ลึกถึงเสน่ห์ของ แคลิฟอร์เนีย โดยพาให้ไปรู้จักแง่มุมต่างๆ ของแคลิฟอร์เนียกันซะก่อน และปิดท้ายด้วยเหตุผลที่ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างออกเดินทางเพื่อไปสัมผัสกับวัฒนธรรมอาหารที่น่ามหัศจรรย์ในแบบ แคลิฟอร์เนีย สไตล์นี้...
สังคม เศรษฐศาสตร์& ภูมิศาสตร์
ใครทราบบ้างว่า แคลิฟอร์เนียมีความร่ำรวยทั้งในด้านเศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรม ปัจจุบันมีประชากรที่มีความหลากหลายสูงสุดแห่งหนึ่งในประเทศ และผลการศึกษาของรัฐบาลกลางสหรัฐอมริกาในปี 2018 รายงานว่าเศรษฐกิจอันคึกคักของที่นี่มาแรงแซงหน้าอังกฤษไปแล้ว โดยมีมูลค่า GDP ใหญ่อันดับ 5 ของโลก และในปี 2019 มูลค่า GDP ของแคลิฟอร์เนียเท่ากับ 98.6 ล้านล้านบาท มากที่สุดในจำนวนทั้งหมด 50 รัฐของอเมริกา
แคลิฟอร์เนียคือรัฐที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอเมริกา และเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุด ประมาณ 40 ล้านคน ทางตอนใต้มีทะเลทรายอันกว้างใหญ่และชายหาดที่สวยงาม รวมถึงสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ทางเหนือเป็นเทือกเขาที่มีป่าไม้มหัศจรรย์ที่มีต้นไม้สูงสุดในโลก และอากาศเย็นซึ่งเหมาะสำหรับการผลิตไวน์ ทางใต้มีมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นอย่าง UCLA Caltech และ USC และทางเหนือมี Stanford และ UC Berkeley และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในซิลิคอนวัลเลย์ ส่วนทางใต้จะขึ้นชื่อเรื่องชายหาดวัฒนธรรมการเล่นกระดานโต้คลื่น และอุตสาหกรรมบันเทิงของฮอลลีวูด
เมืองชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้ คือเมืองในฝันของชาวอเมริกัน และนักเดินทางทั่วโลกต่างมุ่งหน้ามา เพื่อสัมผัสบรรยากาศน่าตื่นตาตื่นใจที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมแห่งสีสันอันน่าหลงใหล ความรู้สึกอิสระ ความเป็นปัจเจก รากลึก และความหลากหลายทางเชื้อชาติ หล่อหลอม หรือประกอบกันเป็นภาพโมเสกที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปวัฒนธรรมประเพณีที่โดดเด่นและเผยแพร่ไปยังทั่วโลก
ประวัติศาสตร์แคลิฟอร์เนีย
ในยุคก่อนหน้านี้เป็นเวลาหลายพันปี ชาวอเมริกันพื้นเมืองประมาณ 300,000 คน อาศัยอยู่ในภูมิภาคชายฝั่งแปซิฟิก ก่อนที่ชาวยุโรปจะเข้ามาตั้งถิ่นฐาน โดยนักโบราณคดีพบว่า ที่นี่มีภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลายอยู่แล้ว บรรดาชนเผ่าพูดภาษาที่แตกต่างกัน 135 ภาษา และทุกวันนี้ก็ยังมีลูกหลานจากผู้อยู่อาศัยกลุ่มแรกของ Golden State ที่นี่มีชาวอเมริกันพื้นเมือง 115 เผ่า จากการสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกาปี 2010 ชาวอเมริกันพื้นเมืองคิดเป็นร้อยละ 1.6 ของประชากรในพื้นที่
ช่วงทศวรรษ 1500 นักสำรวจชาวสเปนเป็นคนกลุ่มแรกที่เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานในแคลิฟอร์เนีย ที่นี่จึงมีคนเชื้อสายสเปนผสมแคลิฟอร์เนียพื้นเมือง ต่อมาในยุคของการตื่นทอง (Gold Rush) ช่วงปี 1848 ส่งผลกระทบต่อประชากรและความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมของแคลิฟอร์เนีย เมื่อมีการเคลื่อนย้ายคนมาจากหลากหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นจากอังกฤษ ไอร์แลนด์ สก็อตแลนด์ อิตาลี รัสเซีย จีน เอเชีย แอฟริกัน ฯลฯ
จากการสำรวจสำมะโนประชากรของอเมริกาพบว่า 74 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในแคลิฟอร์เนียเป็นคนผิวขาว ซึ่งรวมถึงคนที่มีเชื้อสายสเปนและไม่ใช่ชาวสเปน เป็นชาวแอฟริกันอเมริกันคิดเป็น 6.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดของแคลิฟอร์เนีย ชาวเอเชียอเมริกันคิดเป็น 13.6 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในพื้นที่ ผู้อยู่อาศัยในแคลิฟอร์เนียใช้ภาษา 220 ภาษา ชาวแคลิฟอร์เนีย 7 ล้านคนพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องนัก โดยคนที่มีถิ่นฐานอยู่ในแคลิฟอร์เนียนเกือบ 44 เปอร์เซ็นต์พูดภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น สเปน เวียดนาม เกาหลี เปอร์เซีย กวางตุ้ง รัสเซีย ตากาล็อก อาหรับ ปัญจาบ กัมพูชา ญี่ปุ่น มาลายาลัม ม้ง ลาว เป็นต้น
มีการระบุว่าคนส่วนน้อยกลายเป็นคนส่วนใหญ่ เพราะเมื่อจำนวนผู้อพยพที่เพิ่มขึ้นและลูกหลานของพวกเขาเพิ่มขึ้นทั่วประเทศโดยเฉพาะในแคลิฟอร์เนีย และนี่คือเหตุผลที่แคลิฟอร์เนียถือว่าเป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมที่มีความความหลากหลาย ซึ่งมีให้เห็นมากมายจากสิ่งใกล้ตัวง่ายๆ นั่นคือ ร้านอาหาร อาทิ ร้านอาหารเม็กซิกัน กรีก อิตาเลี่ยน อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เวียตนาม เกาหลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความหลากหลายของรสชาติ และแคลิฟอร์เนียคลาสสิก
อาหารคลาสสิกของแคลิฟอร์เนียแต่ละจานมีประวัติที่เป็นเอกลักษณ์ มีการผสมผสานอาหารอเมริกัน เม็กซิกัน เมดิเตอเรเนียน และอาหารเอเชีย เข้ากับเทรนด์การใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพและอาหารโดยเน้นตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีไวน์ท้องถิ่นชั้นดีของแคลิฟอร์เนียให้ดื่มร่วมกันด้วย ที่นี่เป็นสวรรค์ของนักชิมที่สามารถเลือกชิมอาหารและไวน์ได้หลากหลายรสชาติ และเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เมื่อเราได้รู้เกี่ยวกับที่มาของอาหาร ยกตัวอย่างเช่น แคลิฟอร์เนียโรลซึ่งอาจเป็นของโปรดของใครหลายคน แต่หลังจากได้รู้ถึงที่มาของแคลิฟอร์เนียโรลแล้ว มุมมองต่างๆ อาจเปลี่ยนแปลงไป เราลองมาดูว่าความหลากหลายของผู้คนสะท้อนผ่านวัฒนธรรมอาหารสู่ 7 เมนูอาหารสนุกๆ กัน
1. California roll
อาหารจานเด็ดสุดคลาสสิกของชาวแคลิฟอร์เนียนี้เกิดขึ้นจากความพยายามของ โคดากะ ไดคิชิโร่ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ที่พยายามจะเปิดตลาดอาหารญี่ปุ่นในอเมริกา แต่ติดอยู่ที่คือคนอเมริกันไม่ชอบกินของดิบ เพราะไม่ชอบความคาวของปลาดิบ เขาจึงสร้างสรรค์เมนูใหม่ และใส่สิ่งที่คนอเมริกันชอบลงไปในอาหารญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ปูอัด มายองเนส ไข่หวาน ปูอัด เป็นต้น และเติมเต็มวัฒนธรรมที่ต้องการความเร่งด่วนและกินได้ง่ายแบบอเมริกัน เหมือนพวกแฮมเบอร์เกอร์ และในที่สุดจึงออกมาเป็น แคลิฟอร์เนียมากิ และที่มาของชื่อ ก็คือ เพราะนี่เป็นการทำอาหารญี่ปุ่นเพื่อชาวแคลิฟอร์เนีย และมากิ หรือ Roll แปลว่าม้วนหรือพัน)
Photo by Epicurrence on Unsplash
2. California-Style Pizza
ด้วยรสชาติที่แสนอร่อยของพิซซ่าสไตล์อิตาเลี่ยนแบบดั้งเดิมของ Ed LaDou ผสมกับแรงบันดาลใจและคำแนะนำจากเพื่อนๆ ที่ให้ทดลองคิดค้นสูตรพิเศษที่เป็น signature ของตนเอง จนเป็นที่นิยมมากมายในหมู่ลูกค้า ด้วยความบางของแป้งเหมือนในนิวยอร์ก แต่แตกต่างด้วยการสร้างสรรค์ปรุงรสด้วยซอสและหน้าพิซซ่าใหม่ๆ โดยใช้วัตถุดิบหลักที่มีถิ่นกำเนิดในแคลิฟอร์เนีย อย่าง อาร์ติโช้ค เนื้อย่าง ชีสแพะ ผักย่างชิ้นโต และมัสตาร์ด จนไปเข้าตา Wolfgang Puck ผู้บุกเบิกอาหารฟิวชั่น และในที่สุด LaDou ได้มาเป็นเป็นหัวหน้าพ่อครัวพิซซ่าที่ร้านอาหารในเวสต์ฮอลลีวูด โดยปัจจุบันพิซซ่าสไตล์แคลิฟอร์เนียยังคงพัฒนาและแพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว
Photo by Chad Montano on Unsplash
3. Chinese Chicken Salad
ถ้าลองสั่งอาหารจานนี้ในกลางกรุงปักกิ่ง พนักงานเสิร์ฟอาจทำหน้างงๆ และแม้ว่าจะเสิร์ฟสลัดไก่มาให้ แต่รับรองว่าจะไม่เหมือนกันกับสลัดไก่จีนในแคลิฟอร์เนีย เวอร์ชันอเมริกันที่ไม่ได้มีรากฐานมาจากประเทศจีน แต่เป็นสลัดที่คิดค้นขึ้นในแคลิฟอร์เนีย ในช่วงประมาณทศวรรษที่ 1900 โดยหนึ่งในผู้บุกเบิกอาหารฟิวชั่น อาหารจานนี้มีหลายรูปแบบปรากฏให้เห็นอย่างแพร่หลายในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา แต่ส่วนผสมพื้นฐานจะเหมือนเดิม คือ มีเส้นไก่บะหมี่กรอบหรือเกี๊ยวทอดกรอบ กะหล่ำปลี ผักสลัด ชิ้นส้มแมนดาริน และน้ำสลัดขิงผสมงา
4. Cioppino
สตูว์ปลานี้เป็นอาหารคลาสสิกของซานฟรานซิสโก มีตำนานเล่าว่านักเดินเรือชาวอิตาลีได้สร้างสรรค์อาหารจานนี้ขึ้นในช่วง Gold Rush ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหลายคนยอมรับว่า ซิปปิโน ในเวอร์ชั่นของแคลิฟอร์เนียนี้ เป็นเหมือนกับ ciupin ซึ่งเป็นซุปปลาแบบดั้งเดิมที่เสิร์ฟในเมืองเจนัว เมืองท่าทางตอนเหนือของอิตาลี ในปัจจุบันนี้มีการปรุงรสที่หลากหลาย ทั้งแบบรสชาติเข้มข้นด้วยมะเขือเทศ และ รสชาติเบาๆ บางชนิดใส่แต่ปลา บางชนิดก็เป็นรวมมิตรใส่กุ้งหอยและเนื้อปูด้วย
5. Cobb Salad
เชฟบางคนต้องใช้เวลาในการลองผิดลองถูกเป็นเวลาหลายปีกว่าจะได้เมนู signature เป็นของตัวเอง แต่บ็อบ คอบบ์ เจ้าของร้านอาหารดังในฮอลลีวูดคิดค้น คอบบ์สลัด ขึ้นมาได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง โดยเหตุเกิดจากความหิวกลางดึกเมื่อประมาณเกือบร้อยปีที่แล้ว คอบบ์จึงเข้าครัวปรุงทุกอย่างมีอยู่ในมือตอนนั้น ซึ่งได้แก่ ผักสลัด ไข่ลวก อกไก่เย็น อะโวคาโด มะเขือเทศ เบคอน ชีส Roquefort และน้ำสลัดฝรั่งเศสสมัยเก่าลงในชามพร้อม นับตั้งแต่นั้นมาของว่างยามเที่ยงคืนจานนี้ก็เป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชาวแคลิฟอร์เนีย
Photo by Yehleen gaffney on Unsplash
6. French Dip Sandwich
ที่ร้านแซนด์วิช Philippe the Original ใน LA ในปี 1918 ขณะที่ Philippe Mathieu กำลังเตรียมแซนวิชเนื้อย่างให้กับลูกค้า ปรากฏว่าเขางุ่มง่ามไม่ได้ตั้งใจ แต่ดันวางตัวขนมปังลงไปในกระทะย่าง จึงทำให้ขนมปังมีน้ำ/มันที่ได้จากเนื้อวัวติดไปด้วยเล็กน้อย แต่ลูกค้าบอกไม่เป็นไร และแถมยังติดใจวันรุ่งขึ้นพาเพื่อนๆ มากิน แซนวิชแบบเมื่อวาน และอาหารจานพิเศษนี้ก็ได้รับการตั้งชื่อว่า "French Dip Sandwich" แทนที่จะเป็น "Clumsy Sandwich" ปัจจุบัน French dip sandwich มักจะเสิร์ฟพร้อมกับ "au jus" หรือน้ำ/มันเนื้อวัวที่ได้จากขั้นตอนการทำอาหาร
Photo by Jordan Nix on Unsplash
7. หอยนางรมค็อกเทล
อาหารอีกจานที่เกิดขึ้นในยุคตื่นทอง ไม่มีบันทึกว่าใครเป็นคนทำขึ้นครั้งแรก แต่ตามตำนานส่วนมากระบุว่า เป็นคนงานเหมืองทองที่เข้าไปในร้านอาหารหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน เขาสั่งหอยนางรมดิบหนึ่งจานพร้อมกับวิสกี้ขนาดใหญ่และเครื่องปรุงพื้นฐาน 2-3 อย่างเช่น ซอสมะเขือเทศ เรดิช น้ำส้มสายชู และซอสวูสเตอร์เชียร์ พอดื่มวิสกี้เสร็จ เขาก็เทเครื่องปรุงและหอยนางรมทั้งหมดลงในแก้ว แล้วตามด้วยเกลือกับพริกไทย เขาอาจจะเมาหรือแค่อยากจะทำตามใจตัวเอง แต่ใครจะเชื่อล่ะว่าค็อกเทลหอยนางรมจะกลายเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยชื่อดังของซานฟรานซิสโกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
Photo by Thomas John on Unsplash
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนของวัฒนธรรมอาหารที่น่าสนใจอันเกิดมาจากความหลากหลายของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ‘แคลิฟอร์เนีย’ เมืองแห่งสีสันอันน่าหลงใหลของผู้คนทั่วทุกมุมโลก
สังคม เศรษฐศาสตร์& ภูมิศาสตร์
ใครทราบบ้างว่า แคลิฟอร์เนียมีความร่ำรวยทั้งในด้านเศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรม ปัจจุบันมีประชากรที่มีความหลากหลายสูงสุดแห่งหนึ่งในประเทศ และผลการศึกษาของรัฐบาลกลางสหรัฐอมริกาในปี 2018 รายงานว่าเศรษฐกิจอันคึกคักของที่นี่มาแรงแซงหน้าอังกฤษไปแล้ว โดยมีมูลค่า GDP ใหญ่อันดับ 5 ของโลก และในปี 2019 มูลค่า GDP ของแคลิฟอร์เนียเท่ากับ 98.6 ล้านล้านบาท มากที่สุดในจำนวนทั้งหมด 50 รัฐของอเมริกา
แคลิฟอร์เนียคือรัฐที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอเมริกา และเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุด ประมาณ 40 ล้านคน ทางตอนใต้มีทะเลทรายอันกว้างใหญ่และชายหาดที่สวยงาม รวมถึงสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ทางเหนือเป็นเทือกเขาที่มีป่าไม้มหัศจรรย์ที่มีต้นไม้สูงสุดในโลก และอากาศเย็นซึ่งเหมาะสำหรับการผลิตไวน์ ทางใต้มีมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นอย่าง UCLA Caltech และ USC และทางเหนือมี Stanford และ UC Berkeley และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในซิลิคอนวัลเลย์ ส่วนทางใต้จะขึ้นชื่อเรื่องชายหาดวัฒนธรรมการเล่นกระดานโต้คลื่น และอุตสาหกรรมบันเทิงของฮอลลีวูด
เมืองชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้ คือเมืองในฝันของชาวอเมริกัน และนักเดินทางทั่วโลกต่างมุ่งหน้ามา เพื่อสัมผัสบรรยากาศน่าตื่นตาตื่นใจที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมแห่งสีสันอันน่าหลงใหล ความรู้สึกอิสระ ความเป็นปัจเจก รากลึก และความหลากหลายทางเชื้อชาติ หล่อหลอม หรือประกอบกันเป็นภาพโมเสกที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปวัฒนธรรมประเพณีที่โดดเด่นและเผยแพร่ไปยังทั่วโลก
ประวัติศาสตร์แคลิฟอร์เนีย
ในยุคก่อนหน้านี้เป็นเวลาหลายพันปี ชาวอเมริกันพื้นเมืองประมาณ 300,000 คน อาศัยอยู่ในภูมิภาคชายฝั่งแปซิฟิก ก่อนที่ชาวยุโรปจะเข้ามาตั้งถิ่นฐาน โดยนักโบราณคดีพบว่า ที่นี่มีภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลายอยู่แล้ว บรรดาชนเผ่าพูดภาษาที่แตกต่างกัน 135 ภาษา และทุกวันนี้ก็ยังมีลูกหลานจากผู้อยู่อาศัยกลุ่มแรกของ Golden State ที่นี่มีชาวอเมริกันพื้นเมือง 115 เผ่า จากการสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกาปี 2010 ชาวอเมริกันพื้นเมืองคิดเป็นร้อยละ 1.6 ของประชากรในพื้นที่
ช่วงทศวรรษ 1500 นักสำรวจชาวสเปนเป็นคนกลุ่มแรกที่เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานในแคลิฟอร์เนีย ที่นี่จึงมีคนเชื้อสายสเปนผสมแคลิฟอร์เนียพื้นเมือง ต่อมาในยุคของการตื่นทอง (Gold Rush) ช่วงปี 1848 ส่งผลกระทบต่อประชากรและความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมของแคลิฟอร์เนีย เมื่อมีการเคลื่อนย้ายคนมาจากหลากหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นจากอังกฤษ ไอร์แลนด์ สก็อตแลนด์ อิตาลี รัสเซีย จีน เอเชีย แอฟริกัน ฯลฯ
จากการสำรวจสำมะโนประชากรของอเมริกาพบว่า 74 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในแคลิฟอร์เนียเป็นคนผิวขาว ซึ่งรวมถึงคนที่มีเชื้อสายสเปนและไม่ใช่ชาวสเปน เป็นชาวแอฟริกันอเมริกันคิดเป็น 6.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดของแคลิฟอร์เนีย ชาวเอเชียอเมริกันคิดเป็น 13.6 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในพื้นที่ ผู้อยู่อาศัยในแคลิฟอร์เนียใช้ภาษา 220 ภาษา ชาวแคลิฟอร์เนีย 7 ล้านคนพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องนัก โดยคนที่มีถิ่นฐานอยู่ในแคลิฟอร์เนียนเกือบ 44 เปอร์เซ็นต์พูดภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น สเปน เวียดนาม เกาหลี เปอร์เซีย กวางตุ้ง รัสเซีย ตากาล็อก อาหรับ ปัญจาบ กัมพูชา ญี่ปุ่น มาลายาลัม ม้ง ลาว เป็นต้น
มีการระบุว่าคนส่วนน้อยกลายเป็นคนส่วนใหญ่ เพราะเมื่อจำนวนผู้อพยพที่เพิ่มขึ้นและลูกหลานของพวกเขาเพิ่มขึ้นทั่วประเทศโดยเฉพาะในแคลิฟอร์เนีย และนี่คือเหตุผลที่แคลิฟอร์เนียถือว่าเป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมที่มีความความหลากหลาย ซึ่งมีให้เห็นมากมายจากสิ่งใกล้ตัวง่ายๆ นั่นคือ ร้านอาหาร อาทิ ร้านอาหารเม็กซิกัน กรีก อิตาเลี่ยน อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เวียตนาม เกาหลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความหลากหลายของรสชาติ และแคลิฟอร์เนียคลาสสิก
อาหารคลาสสิกของแคลิฟอร์เนียแต่ละจานมีประวัติที่เป็นเอกลักษณ์ มีการผสมผสานอาหารอเมริกัน เม็กซิกัน เมดิเตอเรเนียน และอาหารเอเชีย เข้ากับเทรนด์การใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพและอาหารโดยเน้นตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีไวน์ท้องถิ่นชั้นดีของแคลิฟอร์เนียให้ดื่มร่วมกันด้วย ที่นี่เป็นสวรรค์ของนักชิมที่สามารถเลือกชิมอาหารและไวน์ได้หลากหลายรสชาติ และเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เมื่อเราได้รู้เกี่ยวกับที่มาของอาหาร ยกตัวอย่างเช่น แคลิฟอร์เนียโรลซึ่งอาจเป็นของโปรดของใครหลายคน แต่หลังจากได้รู้ถึงที่มาของแคลิฟอร์เนียโรลแล้ว มุมมองต่างๆ อาจเปลี่ยนแปลงไป เราลองมาดูว่าความหลากหลายของผู้คนสะท้อนผ่านวัฒนธรรมอาหารสู่ 7 เมนูอาหารสนุกๆ กัน
1. California roll
อาหารจานเด็ดสุดคลาสสิกของชาวแคลิฟอร์เนียนี้เกิดขึ้นจากความพยายามของ โคดากะ ไดคิชิโร่ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ที่พยายามจะเปิดตลาดอาหารญี่ปุ่นในอเมริกา แต่ติดอยู่ที่คือคนอเมริกันไม่ชอบกินของดิบ เพราะไม่ชอบความคาวของปลาดิบ เขาจึงสร้างสรรค์เมนูใหม่ และใส่สิ่งที่คนอเมริกันชอบลงไปในอาหารญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ปูอัด มายองเนส ไข่หวาน ปูอัด เป็นต้น และเติมเต็มวัฒนธรรมที่ต้องการความเร่งด่วนและกินได้ง่ายแบบอเมริกัน เหมือนพวกแฮมเบอร์เกอร์ และในที่สุดจึงออกมาเป็น แคลิฟอร์เนียมากิ และที่มาของชื่อ ก็คือ เพราะนี่เป็นการทำอาหารญี่ปุ่นเพื่อชาวแคลิฟอร์เนีย และมากิ หรือ Roll แปลว่าม้วนหรือพัน)
Photo by Epicurrence on Unsplash
2. California-Style Pizza
ด้วยรสชาติที่แสนอร่อยของพิซซ่าสไตล์อิตาเลี่ยนแบบดั้งเดิมของ Ed LaDou ผสมกับแรงบันดาลใจและคำแนะนำจากเพื่อนๆ ที่ให้ทดลองคิดค้นสูตรพิเศษที่เป็น signature ของตนเอง จนเป็นที่นิยมมากมายในหมู่ลูกค้า ด้วยความบางของแป้งเหมือนในนิวยอร์ก แต่แตกต่างด้วยการสร้างสรรค์ปรุงรสด้วยซอสและหน้าพิซซ่าใหม่ๆ โดยใช้วัตถุดิบหลักที่มีถิ่นกำเนิดในแคลิฟอร์เนีย อย่าง อาร์ติโช้ค เนื้อย่าง ชีสแพะ ผักย่างชิ้นโต และมัสตาร์ด จนไปเข้าตา Wolfgang Puck ผู้บุกเบิกอาหารฟิวชั่น และในที่สุด LaDou ได้มาเป็นเป็นหัวหน้าพ่อครัวพิซซ่าที่ร้านอาหารในเวสต์ฮอลลีวูด โดยปัจจุบันพิซซ่าสไตล์แคลิฟอร์เนียยังคงพัฒนาและแพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว
Photo by Chad Montano on Unsplash
3. Chinese Chicken Salad
ถ้าลองสั่งอาหารจานนี้ในกลางกรุงปักกิ่ง พนักงานเสิร์ฟอาจทำหน้างงๆ และแม้ว่าจะเสิร์ฟสลัดไก่มาให้ แต่รับรองว่าจะไม่เหมือนกันกับสลัดไก่จีนในแคลิฟอร์เนีย เวอร์ชันอเมริกันที่ไม่ได้มีรากฐานมาจากประเทศจีน แต่เป็นสลัดที่คิดค้นขึ้นในแคลิฟอร์เนีย ในช่วงประมาณทศวรรษที่ 1900 โดยหนึ่งในผู้บุกเบิกอาหารฟิวชั่น อาหารจานนี้มีหลายรูปแบบปรากฏให้เห็นอย่างแพร่หลายในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา แต่ส่วนผสมพื้นฐานจะเหมือนเดิม คือ มีเส้นไก่บะหมี่กรอบหรือเกี๊ยวทอดกรอบ กะหล่ำปลี ผักสลัด ชิ้นส้มแมนดาริน และน้ำสลัดขิงผสมงา
4. Cioppino
สตูว์ปลานี้เป็นอาหารคลาสสิกของซานฟรานซิสโก มีตำนานเล่าว่านักเดินเรือชาวอิตาลีได้สร้างสรรค์อาหารจานนี้ขึ้นในช่วง Gold Rush ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหลายคนยอมรับว่า ซิปปิโน ในเวอร์ชั่นของแคลิฟอร์เนียนี้ เป็นเหมือนกับ ciupin ซึ่งเป็นซุปปลาแบบดั้งเดิมที่เสิร์ฟในเมืองเจนัว เมืองท่าทางตอนเหนือของอิตาลี ในปัจจุบันนี้มีการปรุงรสที่หลากหลาย ทั้งแบบรสชาติเข้มข้นด้วยมะเขือเทศ และ รสชาติเบาๆ บางชนิดใส่แต่ปลา บางชนิดก็เป็นรวมมิตรใส่กุ้งหอยและเนื้อปูด้วย
5. Cobb Salad
เชฟบางคนต้องใช้เวลาในการลองผิดลองถูกเป็นเวลาหลายปีกว่าจะได้เมนู signature เป็นของตัวเอง แต่บ็อบ คอบบ์ เจ้าของร้านอาหารดังในฮอลลีวูดคิดค้น คอบบ์สลัด ขึ้นมาได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง โดยเหตุเกิดจากความหิวกลางดึกเมื่อประมาณเกือบร้อยปีที่แล้ว คอบบ์จึงเข้าครัวปรุงทุกอย่างมีอยู่ในมือตอนนั้น ซึ่งได้แก่ ผักสลัด ไข่ลวก อกไก่เย็น อะโวคาโด มะเขือเทศ เบคอน ชีส Roquefort และน้ำสลัดฝรั่งเศสสมัยเก่าลงในชามพร้อม นับตั้งแต่นั้นมาของว่างยามเที่ยงคืนจานนี้ก็เป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชาวแคลิฟอร์เนีย
Photo by Yehleen gaffney on Unsplash
6. French Dip Sandwich
ที่ร้านแซนด์วิช Philippe the Original ใน LA ในปี 1918 ขณะที่ Philippe Mathieu กำลังเตรียมแซนวิชเนื้อย่างให้กับลูกค้า ปรากฏว่าเขางุ่มง่ามไม่ได้ตั้งใจ แต่ดันวางตัวขนมปังลงไปในกระทะย่าง จึงทำให้ขนมปังมีน้ำ/มันที่ได้จากเนื้อวัวติดไปด้วยเล็กน้อย แต่ลูกค้าบอกไม่เป็นไร และแถมยังติดใจวันรุ่งขึ้นพาเพื่อนๆ มากิน แซนวิชแบบเมื่อวาน และอาหารจานพิเศษนี้ก็ได้รับการตั้งชื่อว่า "French Dip Sandwich" แทนที่จะเป็น "Clumsy Sandwich" ปัจจุบัน French dip sandwich มักจะเสิร์ฟพร้อมกับ "au jus" หรือน้ำ/มันเนื้อวัวที่ได้จากขั้นตอนการทำอาหาร
Photo by Jordan Nix on Unsplash
7. หอยนางรมค็อกเทล
อาหารอีกจานที่เกิดขึ้นในยุคตื่นทอง ไม่มีบันทึกว่าใครเป็นคนทำขึ้นครั้งแรก แต่ตามตำนานส่วนมากระบุว่า เป็นคนงานเหมืองทองที่เข้าไปในร้านอาหารหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน เขาสั่งหอยนางรมดิบหนึ่งจานพร้อมกับวิสกี้ขนาดใหญ่และเครื่องปรุงพื้นฐาน 2-3 อย่างเช่น ซอสมะเขือเทศ เรดิช น้ำส้มสายชู และซอสวูสเตอร์เชียร์ พอดื่มวิสกี้เสร็จ เขาก็เทเครื่องปรุงและหอยนางรมทั้งหมดลงในแก้ว แล้วตามด้วยเกลือกับพริกไทย เขาอาจจะเมาหรือแค่อยากจะทำตามใจตัวเอง แต่ใครจะเชื่อล่ะว่าค็อกเทลหอยนางรมจะกลายเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยชื่อดังของซานฟรานซิสโกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
Photo by Thomas John on Unsplash
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนของวัฒนธรรมอาหารที่น่าสนใจอันเกิดมาจากความหลากหลายของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ‘แคลิฟอร์เนีย’ เมืองแห่งสีสันอันน่าหลงใหลของผู้คนทั่วทุกมุมโลก
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น
1. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ เป็นอันขาด
2. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว ... (อ่านทั้งหมด)