8 เคล็ดลับพัฒนาตนเอง (Self-improvement) |
ที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีประสิทธิผลมากขึ้น
เคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่า คุณต้องการอะไรในชีวิต? มีตำแหน่งที่สูงขึ้นในที่ทำงาน มีความสัมพันธ์ที่ดี มีความรักที่ดี หรือธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ? มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความต้องการที่จะ "ทำให้ดีกว่าเดิม" (To Do Better) เพราะอดีตที่ดีทำให้มีโอกาสที่ดีมากขึ้นด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่การเติบโตเป็นเหตุผลที่ดึงดูด ความปรารถนาที่จะพัฒนาตนเอง นำเราไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น
ทราบหรือไม่ว่า การพัฒนาตนเองเป็นส่วนสำคัญของความก้าวหน้าและความสุข แต่บ่อยครั้งที่ความพยายามในการพัฒนาตนเองอาจจะล้มเหลว เราไม่แน่ใจว่าจะมุ่งหน้าไปทางไหน และเมื่อเกิดสะดุดกับสิ่งที่คาดหวัง มักส่งผลกระทบต่องาน ความสัมพันธ์ หรือชีวิตได้
หากต้องการเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเอง คุณสามารถเริ่มได้จาก สร้างเป้าหมายที่ชัดเจนและนำไปปฏิบัติได้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาตนเอง ซึ่งเป็นข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมและพฤติกรรมศาสตร์ให้คำแนะนำในการเติบโตส่วนบุคคลซึ่งง่ายต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ต่อไปนี้คือ 8 เคล็ดลับพัฒนาตนเอง ที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีประสิทธิผลมากขึ้น มีความสุข และมีสุขภาพดี
1. พัฒนาความสนใจของคุณ Develop your Interests
คุณควรใช้เวลาไปกับกิจกรรมที่ชอบหรือถนัดมากกว่า เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกดี แถมช่วยให้คุณรู้สึกมีอิสระในการแสดงอารมณ์ และกระตุ้นให้คุณทำงานเพื่อสร้างทักษะของคุณต่อไป
ระมัดระวังและอย่ากดดันตัวเองมากเกินไป หากต้องไล่ตามเป้าหมายมิฉะนั้นคุณอาจหมดกำลังใจ หมดความสนใจในเป้าหมายเหล่านั้นไปซะก่อน!!
2. พัฒนาการกรอบความคิดที่พัฒนาได้ หรือการเติบโตทางความคิด Develop a Growth Mindset
ความสำเร็จและความล้มเหลวอาจส่งผลต่อความคิดของคุณ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการพัฒนากรอบความคิดจึงเป็นเรื่องสำคัญ นี่คือความเชื่อที่ว่าคุณสามารถพัฒนาปรับปรุงความคิดของคุณได้ วิธีที่คุณสามารถเสริมสร้างความคิดนี้ได้คือการเอาชนะความท้าทาย
สิ่งนี้ไม่ง่ายเสมอไป แต่สามารถทำให้ง่ายขึ้นได้หากคุณคาดการณ์ถึงความท้าทายเหล่านี้เมื่อคุณตั้งเป้าหมาย และคิดหาวิธีที่จะเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ล่วงหน้า คุณควรพร้อมที่จะปรับแผนของคุณเมื่อมีสิ่งท้าทายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
กุญแจสำคัญในการมีกรอบความคิดที่พัฒนาแล้ว คือการขอความช่วยเหลือเมื่อถึงคราวจำเป็น “จำไว้ว่าคุณไม่สามารถทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้” “คุณสามารถตอบแทนน้ำใจของผู้อื่นได้โดยการให้ความช่วยเหลือพวกเขากลับเมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือนั้นเพื่อเป็นการตอบแทน”
ความสำเร็จของคุณสามารถช่วยเสริมสร้างกรอบความคิดที่พัฒนาแล้วได้ และแม้แต่ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ก็ควรได้รับการยินดี คุณสามารถพูดยินดีกับตัวเองและให้กำลังใจตัวเองได้เสมอ
อย่าลืมให้รางวัลตัวเองเพื่อเป็นกำลังใจด้วยเป็นครั้งเป็นคราว
3. ตั้งเป้าหมายอัน'ชาญฉลาด' Set ‘smart’ goals
การมีเป้าหมายไม่เพียงแต่ทำให้คุณเข้าใจทิศทางชีวิตที่ชัดเจนเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้สึกถึงความสำเร็จทุกครั้งที่คุณเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นอีกด้วย
คุณต้องตั้ง “เป้าหมายที่ชาญฉลาด” ก่อน เป้าหมายเหล่านี้ควรเป็นเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม สมเหตุสมผล และคำนึงถึงเวลา การคิดถึงขั้นตอนที่คุณต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมายและจดบันทึกจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น
4. ค้นหาจุดแข็งและใช้จุดแข็งของคุณ Identify and use your strengths
ในขณะที่ต้องทำงานที่คุณขาดประสบการณ์หรือทักษะในการทำให้สำเร็จ การทำสิ่งที่คุณทำได้ดีตามธรรมชาติสามารถให้ความสุขและความพึงพอใจแก่คุณได้ คุณสามารถใช้วิธีนี้เพื่อสร้างความมั่นใจในการจัดการกับงานที่คุณประสบปัญหา
ในกรณีที่คุณยังไม่ได้ตระหนักถึงจุดแข็งที่ซ่อนอยู่ของคุณ ขอแนะนำให้คุณทำแบบสำรวจความเข้มแข็งของคุณได้ที่ Virtues in Action (VIA) www.viacharacter.org ซึ่งเป็นแบบสำรวจออนไลน์ฟรีพร้อมคำถาม 240 ข้อที่จะช่วยให้คุณระบุได้ว่าตัวคุณมีจุดแข็งอะไรบ้าง ผู้ให้บริการสำรวจ VIA Institute on Character จะแนะนำวิธีที่คุณสามารถใช้จุดแข็งของคุณได้
5. มองความล้มเหลวในมุมมองที่ต่างกัน Look at failures from different perspectives
ความล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ก็มักจะทำให้รู้สึกเหมือนถึงจุดจบของโลก หลายคนมักจะมีความคิดที่โทษตัวเองเมื่อพบเจอกับเรื่องล้มเหลว ทั้งๆ ที่ จริงๆ แล้ว มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เราอาจประสบกับความล้มเหลวในตอนนี้ หรือ เกิดสถานการณ์ที่ทำให้เกิดเรื่องล้มเหลวได้
เมื่อผู้คนทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ เขาก็มักจะคิดไปในแง่ลบไว้ก่อนเสมอเลย ซึ่งอาจทำให้การตัดสินใจหลังจากนี้พลาดได้ง่ายๆ และนี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องท้าทาย!!
“ลองตรวจสอบและคิดหาว่า มีวิธีใหม่ๆ ในการแก้ไขความล้มเหลวได้หรือไม่” หรือชวนเพื่อนมาแบ่งปันความคิดเห็น
นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ในการเตือนตัวเองว่าคำว่า 'ล้มเหลว' และ 'จุดจบ' สามารถเปลี่ยนเป็นคำว่า "ความพยายามในการเรียนรู้" และ "ความพยายามไม่มีวันตาย" เมื่อคุณพากเพียรพยายามมากพอ คุณจะได้รับความสำเร็จเป็นการตอบแทน
6. ฝึกความรู้สึกขอบคุณ Practice Gratitude
เมื่อคุณทำงานติดพันหรือวุ่นอยู่กับงานอะไรก็ตามเป็นเวลานาน หลายคนมักจะหลงลืมในเรื่องการชื่นชมตัวเองไป ขอให้คุณลองชื่นชมตัวเองแบบง่ายๆ ในแต่ละวัน แค่นี้ก็สามารถทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและสุขภาพดีขึ้นได้ด้วย
กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับสี่ส่วนของร่างกายคุณ : ดวงตา จิตใจ มือ และหัวใจ
ดวงตา : ดวงตาเป็นสัญลักษณ์แทนการมองและเฝ้าสังเกตผู้คนและสิ่งต่างๆ รอบตัว
“ลองหาเวลาคิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ได้พบเจอในแต่ละวัน” นี่เป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญที่ควรทำเพื่อทบทวนถึงเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น
มือ : มือเป็นสัญลักษณ์แทนความรู้สึกขอบคุณ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวขอบคุณ การเขียนการ์ดขอบคุณ หรือการเตรียมของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณต่อใครสักคน อยากให้คุณลองถ่ายรูปสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณในทุกๆ วันดู เพื่อเตือนตัวเองว่า ในชีวิตของคุณมีมากมายที่รอการขอบคุณ”
สุดท้ายนี้ อย่าลืมใช้หัวใจ “แสดงความจริงใจทุกครั้งที่คุณรู้สึกขอบคุณผู้อื่น”
7. สร้างสัมพันธ์ที่กลมกลืนสามัคคี Build Harmonious Relationships
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมักจะเป็นตัวกำหนดอารมณ์ของเรา ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมสายสัมพันธ์ที่ดี และแน่นแฟ้นอบอุ่นภายในครอบครัวและเพื่อนฝูงจึงเป็นรากฐานของสุขภาพจิตที่ดี
นอกจากการแสดงความรู้สึกขอบคุณ การฟังและให้ความสนใจผู้อื่นมากขึ้น การใช้คำพูดที่ไตร่ตรอง รอบคอบและสร้างสรรค์ยังช่วยสร้างความสนิทสนมและสัมพันธ์ที่ดีได้อีกด้วย
การ feedback หรือเจรจา พูดจาโต้ตอบอย่างสร้างสรรค์ เป็นการแสดงความจริงใจ กระตือรือร้น และสนับสนุนกันอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีคุณค่า
“ถ้าเพื่อนของคุณอวดเสื้อตัวใหม่ให้คุณดู ขอให้คุณให้กำลังใจโดยพูดว่า 'มันดูดีเหมาะกับเธอเลยนะ!' หรือ 'ดีใจด้วยที่ได้ซื้อของที่เธอชอบ!'”
การแสดงถึงความความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ จริงใจ เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาเลวร้าย หรือกำลังคิดในแง่ลบหรือพบเจอกับปัญหา
“พยายามมองข้ามปฏิกิริยาทางอารมณ์ในแง่ลบของผู้อื่น และพยายามทำความเข้าใจพฤติกรรม อารมณ์ หรือมุมมองของพวกเขาด้วยการคิดว่า ถ้าเราต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเดียวกันนี้” อย่าให้ความวิตกกังวลมาบั่นทอนชีวิตของคุณ
8. ค้นหาความหมายของชีวิต Search for the Meaning of Life
ชีวิตที่มีความหมาย มีความพอใจในชีวิต หากต้องการเป็นคนที่มีความหมายและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น คุณลองถามตัวเองว่าคุณจะช่วยเหลือครอบครัว เพื่อนฝูง และสังคมได้อย่างไร
“การเป็นอาสาสมัครหรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือเพื่อนหรือการดูแลคนรอบข้างจะทำให้คุณรู้สึกมีคุณค่า” คุณสามารถวางแผนเป้าหมาย หรือกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกเป็นที่ต้องการของผู้อื่นได้ล่วงหน้า
“คุณสามารถคิดทบทวนถึงทุกช่วงเวลาดีๆ และค้นหาว่าความสำเร็จและประสบการณ์ในอดีตของคุณจะช่วยให้คุณสร้างอนาคตที่ดี มีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นอีกได้อย่างไร”
การพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องของการสร้างทักษะได้ตลอดชีวิต ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใดก็ตาม ต่อเมื่อคุณพัฒนาให้ตัวเองมีความสุขได้ การแบ่งปันและสร้างสรรค์ให้ผู้อื่นมีความสุขไปด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องยาก!!
แหล่งที่มา
https://www.tonyrobbins.com/personal-growth/self-improvement-plan/
https://www.scmp.com/yp/discover/advice/personal-development/article/3072094/8-top-self-improvement-...
ทราบหรือไม่ว่า การพัฒนาตนเองเป็นส่วนสำคัญของความก้าวหน้าและความสุข แต่บ่อยครั้งที่ความพยายามในการพัฒนาตนเองอาจจะล้มเหลว เราไม่แน่ใจว่าจะมุ่งหน้าไปทางไหน และเมื่อเกิดสะดุดกับสิ่งที่คาดหวัง มักส่งผลกระทบต่องาน ความสัมพันธ์ หรือชีวิตได้
หากต้องการเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเอง คุณสามารถเริ่มได้จาก สร้างเป้าหมายที่ชัดเจนและนำไปปฏิบัติได้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาตนเอง ซึ่งเป็นข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมและพฤติกรรมศาสตร์ให้คำแนะนำในการเติบโตส่วนบุคคลซึ่งง่ายต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ต่อไปนี้คือ 8 เคล็ดลับพัฒนาตนเอง ที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีประสิทธิผลมากขึ้น มีความสุข และมีสุขภาพดี
1. พัฒนาความสนใจของคุณ Develop your Interests
คุณควรใช้เวลาไปกับกิจกรรมที่ชอบหรือถนัดมากกว่า เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกดี แถมช่วยให้คุณรู้สึกมีอิสระในการแสดงอารมณ์ และกระตุ้นให้คุณทำงานเพื่อสร้างทักษะของคุณต่อไป
ระมัดระวังและอย่ากดดันตัวเองมากเกินไป หากต้องไล่ตามเป้าหมายมิฉะนั้นคุณอาจหมดกำลังใจ หมดความสนใจในเป้าหมายเหล่านั้นไปซะก่อน!!
2. พัฒนาการกรอบความคิดที่พัฒนาได้ หรือการเติบโตทางความคิด Develop a Growth Mindset
ความสำเร็จและความล้มเหลวอาจส่งผลต่อความคิดของคุณ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการพัฒนากรอบความคิดจึงเป็นเรื่องสำคัญ นี่คือความเชื่อที่ว่าคุณสามารถพัฒนาปรับปรุงความคิดของคุณได้ วิธีที่คุณสามารถเสริมสร้างความคิดนี้ได้คือการเอาชนะความท้าทาย
สิ่งนี้ไม่ง่ายเสมอไป แต่สามารถทำให้ง่ายขึ้นได้หากคุณคาดการณ์ถึงความท้าทายเหล่านี้เมื่อคุณตั้งเป้าหมาย และคิดหาวิธีที่จะเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ล่วงหน้า คุณควรพร้อมที่จะปรับแผนของคุณเมื่อมีสิ่งท้าทายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
กุญแจสำคัญในการมีกรอบความคิดที่พัฒนาแล้ว คือการขอความช่วยเหลือเมื่อถึงคราวจำเป็น “จำไว้ว่าคุณไม่สามารถทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้” “คุณสามารถตอบแทนน้ำใจของผู้อื่นได้โดยการให้ความช่วยเหลือพวกเขากลับเมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือนั้นเพื่อเป็นการตอบแทน”
ความสำเร็จของคุณสามารถช่วยเสริมสร้างกรอบความคิดที่พัฒนาแล้วได้ และแม้แต่ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ก็ควรได้รับการยินดี คุณสามารถพูดยินดีกับตัวเองและให้กำลังใจตัวเองได้เสมอ
อย่าลืมให้รางวัลตัวเองเพื่อเป็นกำลังใจด้วยเป็นครั้งเป็นคราว
3. ตั้งเป้าหมายอัน'ชาญฉลาด' Set ‘smart’ goals
การมีเป้าหมายไม่เพียงแต่ทำให้คุณเข้าใจทิศทางชีวิตที่ชัดเจนเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้สึกถึงความสำเร็จทุกครั้งที่คุณเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นอีกด้วย
คุณต้องตั้ง “เป้าหมายที่ชาญฉลาด” ก่อน เป้าหมายเหล่านี้ควรเป็นเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม สมเหตุสมผล และคำนึงถึงเวลา การคิดถึงขั้นตอนที่คุณต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมายและจดบันทึกจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น
4. ค้นหาจุดแข็งและใช้จุดแข็งของคุณ Identify and use your strengths
ในขณะที่ต้องทำงานที่คุณขาดประสบการณ์หรือทักษะในการทำให้สำเร็จ การทำสิ่งที่คุณทำได้ดีตามธรรมชาติสามารถให้ความสุขและความพึงพอใจแก่คุณได้ คุณสามารถใช้วิธีนี้เพื่อสร้างความมั่นใจในการจัดการกับงานที่คุณประสบปัญหา
ในกรณีที่คุณยังไม่ได้ตระหนักถึงจุดแข็งที่ซ่อนอยู่ของคุณ ขอแนะนำให้คุณทำแบบสำรวจความเข้มแข็งของคุณได้ที่ Virtues in Action (VIA) www.viacharacter.org ซึ่งเป็นแบบสำรวจออนไลน์ฟรีพร้อมคำถาม 240 ข้อที่จะช่วยให้คุณระบุได้ว่าตัวคุณมีจุดแข็งอะไรบ้าง ผู้ให้บริการสำรวจ VIA Institute on Character จะแนะนำวิธีที่คุณสามารถใช้จุดแข็งของคุณได้
5. มองความล้มเหลวในมุมมองที่ต่างกัน Look at failures from different perspectives
ความล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ก็มักจะทำให้รู้สึกเหมือนถึงจุดจบของโลก หลายคนมักจะมีความคิดที่โทษตัวเองเมื่อพบเจอกับเรื่องล้มเหลว ทั้งๆ ที่ จริงๆ แล้ว มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เราอาจประสบกับความล้มเหลวในตอนนี้ หรือ เกิดสถานการณ์ที่ทำให้เกิดเรื่องล้มเหลวได้
เมื่อผู้คนทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ เขาก็มักจะคิดไปในแง่ลบไว้ก่อนเสมอเลย ซึ่งอาจทำให้การตัดสินใจหลังจากนี้พลาดได้ง่ายๆ และนี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องท้าทาย!!
“ลองตรวจสอบและคิดหาว่า มีวิธีใหม่ๆ ในการแก้ไขความล้มเหลวได้หรือไม่” หรือชวนเพื่อนมาแบ่งปันความคิดเห็น
นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ในการเตือนตัวเองว่าคำว่า 'ล้มเหลว' และ 'จุดจบ' สามารถเปลี่ยนเป็นคำว่า "ความพยายามในการเรียนรู้" และ "ความพยายามไม่มีวันตาย" เมื่อคุณพากเพียรพยายามมากพอ คุณจะได้รับความสำเร็จเป็นการตอบแทน
6. ฝึกความรู้สึกขอบคุณ Practice Gratitude
เมื่อคุณทำงานติดพันหรือวุ่นอยู่กับงานอะไรก็ตามเป็นเวลานาน หลายคนมักจะหลงลืมในเรื่องการชื่นชมตัวเองไป ขอให้คุณลองชื่นชมตัวเองแบบง่ายๆ ในแต่ละวัน แค่นี้ก็สามารถทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและสุขภาพดีขึ้นได้ด้วย
กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับสี่ส่วนของร่างกายคุณ : ดวงตา จิตใจ มือ และหัวใจ
ดวงตา : ดวงตาเป็นสัญลักษณ์แทนการมองและเฝ้าสังเกตผู้คนและสิ่งต่างๆ รอบตัว
“ลองหาเวลาคิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ได้พบเจอในแต่ละวัน” นี่เป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญที่ควรทำเพื่อทบทวนถึงเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น
มือ : มือเป็นสัญลักษณ์แทนความรู้สึกขอบคุณ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวขอบคุณ การเขียนการ์ดขอบคุณ หรือการเตรียมของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณต่อใครสักคน อยากให้คุณลองถ่ายรูปสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณในทุกๆ วันดู เพื่อเตือนตัวเองว่า ในชีวิตของคุณมีมากมายที่รอการขอบคุณ”
สุดท้ายนี้ อย่าลืมใช้หัวใจ “แสดงความจริงใจทุกครั้งที่คุณรู้สึกขอบคุณผู้อื่น”
7. สร้างสัมพันธ์ที่กลมกลืนสามัคคี Build Harmonious Relationships
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมักจะเป็นตัวกำหนดอารมณ์ของเรา ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมสายสัมพันธ์ที่ดี และแน่นแฟ้นอบอุ่นภายในครอบครัวและเพื่อนฝูงจึงเป็นรากฐานของสุขภาพจิตที่ดี
นอกจากการแสดงความรู้สึกขอบคุณ การฟังและให้ความสนใจผู้อื่นมากขึ้น การใช้คำพูดที่ไตร่ตรอง รอบคอบและสร้างสรรค์ยังช่วยสร้างความสนิทสนมและสัมพันธ์ที่ดีได้อีกด้วย
การ feedback หรือเจรจา พูดจาโต้ตอบอย่างสร้างสรรค์ เป็นการแสดงความจริงใจ กระตือรือร้น และสนับสนุนกันอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีคุณค่า
“ถ้าเพื่อนของคุณอวดเสื้อตัวใหม่ให้คุณดู ขอให้คุณให้กำลังใจโดยพูดว่า 'มันดูดีเหมาะกับเธอเลยนะ!' หรือ 'ดีใจด้วยที่ได้ซื้อของที่เธอชอบ!'”
การแสดงถึงความความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ จริงใจ เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาเลวร้าย หรือกำลังคิดในแง่ลบหรือพบเจอกับปัญหา
“พยายามมองข้ามปฏิกิริยาทางอารมณ์ในแง่ลบของผู้อื่น และพยายามทำความเข้าใจพฤติกรรม อารมณ์ หรือมุมมองของพวกเขาด้วยการคิดว่า ถ้าเราต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเดียวกันนี้” อย่าให้ความวิตกกังวลมาบั่นทอนชีวิตของคุณ
8. ค้นหาความหมายของชีวิต Search for the Meaning of Life
ชีวิตที่มีความหมาย มีความพอใจในชีวิต หากต้องการเป็นคนที่มีความหมายและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น คุณลองถามตัวเองว่าคุณจะช่วยเหลือครอบครัว เพื่อนฝูง และสังคมได้อย่างไร
“การเป็นอาสาสมัครหรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือเพื่อนหรือการดูแลคนรอบข้างจะทำให้คุณรู้สึกมีคุณค่า” คุณสามารถวางแผนเป้าหมาย หรือกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกเป็นที่ต้องการของผู้อื่นได้ล่วงหน้า
“คุณสามารถคิดทบทวนถึงทุกช่วงเวลาดีๆ และค้นหาว่าความสำเร็จและประสบการณ์ในอดีตของคุณจะช่วยให้คุณสร้างอนาคตที่ดี มีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นอีกได้อย่างไร”
การพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องของการสร้างทักษะได้ตลอดชีวิต ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใดก็ตาม ต่อเมื่อคุณพัฒนาให้ตัวเองมีความสุขได้ การแบ่งปันและสร้างสรรค์ให้ผู้อื่นมีความสุขไปด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องยาก!!
แหล่งที่มา
https://www.tonyrobbins.com/personal-growth/self-improvement-plan/
https://www.scmp.com/yp/discover/advice/personal-development/article/3072094/8-top-self-improvement-...
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น
1. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ เป็นอันขาด
2. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว ... (อ่านทั้งหมด)