สนุกกับงานบ้าน...ช่วยสร้างสมองด้วยการลงมือทำ
หากพูดถึง “งานบ้าน” อาจจะเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเด็กในยุคนี้ นั้นอาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไป เด็กในยุคนี้อยู่ในโลกที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งส่งผลให้พ่อแม่เห็นว่าเด็กควรมุ่งแต่เรียน เพื่อให้มีโอกาสในการทำงานที่ดีในสังคม ในขณะที่พ่อแม่ก็อาจจะมองว่างานบ้านคืองานของผู้ใหญ่ เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นสำหรับเด็ก สุดท้ายงานบ้านจึงตกเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ แม่บ้าน หรือพี่เลี้ยงแทน
มีคำถามว่า “ทำไมเด็กต้องทำงานบ้าน” ถ้าพ่อแม่เข้าใจในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กแล้ว เราจะพบคำตอบว่า การเล่นและการทำงานของเด็กเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้าพ่อแม่สังเกตการเล่นของลูกโดยเฉพาะในเด็กเล็ก การเล่นส่วนใหญ่มาจากการใช้สถานการณ์จำลองในสิ่งที่เด็กได้พบได้เห็นในชีวิตประจำวัน เช่น เล่นทำกับข้าว เล่นขายของ เล่นเลียนแบบเป็นพ่อแม่ ฯลฯ ดังนั้น ถ้าเราสามารถทำให้งานบ้านนั้นเป็นเรื่องสนุก และให้เด็กได้มีโอกาสลงมือทำงานบ้านด้วยตนเอง จะเป็นการช่วยเสริมสร้างทักษะสมอง EF เพราะเด็กต้องมีการคิดและวางแผนเพื่อให้การทำงานบ้านนั้นทำได้เร็วขึ้น ดีขึ้น และเกิดความสำเร็จ ทั้งงานบ้านยังช่วยพัฒนาทักษะทางร่างกายและทักษะการใช้ชีวิตของเด็กได้เป็นอย่างดี
ตามหลักพัฒนาการแล้วเด็กแต่ละช่วงวัยมีการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน การพัฒนาทักษะต่างๆ ของเด็กสามารถเริ่มต้นได้จากการทำงานบ้านที่สนุก เด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไปก็เริ่มทำงานบ้านได้ เพราะเด็กวัยนี้เริ่มฟังคำสั่งง่ายๆ ได้แล้ว การที่พ่อแม่หัดให้ลูกทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่ยังเล็ก จะทำให้พ่อแม่สังเกตเห็นว่าลูกมีความถนัด ชอบที่จะทำอะไรแบบไหน มีความมุ่งมั่นหรือรอบคอบอย่างไร ซึ่งนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อตัวของลูกในอนาคต เพราะงานบ้านจะช่วยฝึกหน้าที่ และความรับผิดชอบให้กับลูก พ่อแม่จึงควรฝึกฝนให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการทำงานบ้านอาจเริ่มต้นด้วยเรื่องง่ายๆ ที่เหมาะสมตามวัย เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกว่าอยากจะลงมือทำ และเชื่อว่าตนเองสามารถทำได้
งานบ้านอะไรที่เหมาะสมตามช่วงวัย
เด็กอายุ 2-3 ปี : ฝึกให้รับผิดชอบในส่วนของตัวเอง เช่น รู้จักเก็บของเล่นให้เข้าที่ เอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปใส่ไว้ในตะกร้าผ้า หรือเมื่อตื่นนอนพ่อแม่จัดเตียงและพับผ้าห่ม อาจจะให้ลูกช่วยจัดวางหมอนให้เรียบร้อยซึ่งเป็นการเริ่มต้นให้ลูกได้มีส่วนร่วมไปทีละเล็กละน้อย
เด็กอายุ 4-5 ปี : ฝึกให้เก็บกระเป๋า อุปกรณ์การเรียนต่างๆให้เข้าที่ และควรเพิ่มงานบ้านที่เป็นส่วนรวมมากขึ้น เช่น ช่วยจัดโต๊ะอาหารด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ตกแตก นำขยะไปทิ้ง รดน้ำต้นไม้ ดูแลให้อาหารสัตว์เลี้ยง (ถ้ามี) หรือฝึกทำอาหารง่ายๆ ร่วมกับพ่อแม่
เด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป : ฝึกการทำงานบ้านที่มีความละเอียด ซับซ้อนขึ้น เช่น พับผ้าห่มเอง รดน้ำต้นไม้ เมื่ออายุ 8-11 ปี ก็สามารถกวาดบ้าน ถูบ้าน ตากผ้า เก็บผ้า ล้างจาน หัดล้างห้องน้ำ หรือเริ่มฝึกทำอาหารง่ายๆได้เอง
7 เคล็ดลับสอนให้ลูกทำงานบ้าน
การทำงานบ้านจึงมีประโยชน์อย่างมากในช่วงระหว่างการเติบโตของเด็กในทุกช่วงวัย เพราะนอกจากสิ่งที่เรากล่าวมาข้างต้นแล้ว งานบ้านยังสร้างสิ่งที่เราเรียกว่า “การนับถือตนเอง” (Self-esteem) ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตเมื่อเด็กต้องเติบโตขึ้น การนับถือตนเองจะถูกสะสมจากความสำเร็จของการที่เด็กได้ลงมือทำงานบ้านด้วยตนเองทีละเล็กละน้อย เป็นแรงกระตุ้นให้เด็กมีความมุมานะ ตั้งใจ และเห็นถึงคุณค่าในตนเองว่า “ฉันทำได้” ซึ่งจะเป็นพื้นฐานการเรียนรู้ที่ดีในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมต่อไป
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://th.theasianparent.com/houseworks-are-good-for-child-brain-development
https://www.roong-aroon.ac.th/?p=8856
https://bit.ly/3n0p6QM
มีคำถามว่า “ทำไมเด็กต้องทำงานบ้าน” ถ้าพ่อแม่เข้าใจในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กแล้ว เราจะพบคำตอบว่า การเล่นและการทำงานของเด็กเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้าพ่อแม่สังเกตการเล่นของลูกโดยเฉพาะในเด็กเล็ก การเล่นส่วนใหญ่มาจากการใช้สถานการณ์จำลองในสิ่งที่เด็กได้พบได้เห็นในชีวิตประจำวัน เช่น เล่นทำกับข้าว เล่นขายของ เล่นเลียนแบบเป็นพ่อแม่ ฯลฯ ดังนั้น ถ้าเราสามารถทำให้งานบ้านนั้นเป็นเรื่องสนุก และให้เด็กได้มีโอกาสลงมือทำงานบ้านด้วยตนเอง จะเป็นการช่วยเสริมสร้างทักษะสมอง EF เพราะเด็กต้องมีการคิดและวางแผนเพื่อให้การทำงานบ้านนั้นทำได้เร็วขึ้น ดีขึ้น และเกิดความสำเร็จ ทั้งงานบ้านยังช่วยพัฒนาทักษะทางร่างกายและทักษะการใช้ชีวิตของเด็กได้เป็นอย่างดี
ตามหลักพัฒนาการแล้วเด็กแต่ละช่วงวัยมีการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน การพัฒนาทักษะต่างๆ ของเด็กสามารถเริ่มต้นได้จากการทำงานบ้านที่สนุก เด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไปก็เริ่มทำงานบ้านได้ เพราะเด็กวัยนี้เริ่มฟังคำสั่งง่ายๆ ได้แล้ว การที่พ่อแม่หัดให้ลูกทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่ยังเล็ก จะทำให้พ่อแม่สังเกตเห็นว่าลูกมีความถนัด ชอบที่จะทำอะไรแบบไหน มีความมุ่งมั่นหรือรอบคอบอย่างไร ซึ่งนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อตัวของลูกในอนาคต เพราะงานบ้านจะช่วยฝึกหน้าที่ และความรับผิดชอบให้กับลูก พ่อแม่จึงควรฝึกฝนให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการทำงานบ้านอาจเริ่มต้นด้วยเรื่องง่ายๆ ที่เหมาะสมตามวัย เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกว่าอยากจะลงมือทำ และเชื่อว่าตนเองสามารถทำได้
งานบ้านอะไรที่เหมาะสมตามช่วงวัย
เด็กอายุ 2-3 ปี : ฝึกให้รับผิดชอบในส่วนของตัวเอง เช่น รู้จักเก็บของเล่นให้เข้าที่ เอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปใส่ไว้ในตะกร้าผ้า หรือเมื่อตื่นนอนพ่อแม่จัดเตียงและพับผ้าห่ม อาจจะให้ลูกช่วยจัดวางหมอนให้เรียบร้อยซึ่งเป็นการเริ่มต้นให้ลูกได้มีส่วนร่วมไปทีละเล็กละน้อย
เด็กอายุ 4-5 ปี : ฝึกให้เก็บกระเป๋า อุปกรณ์การเรียนต่างๆให้เข้าที่ และควรเพิ่มงานบ้านที่เป็นส่วนรวมมากขึ้น เช่น ช่วยจัดโต๊ะอาหารด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ตกแตก นำขยะไปทิ้ง รดน้ำต้นไม้ ดูแลให้อาหารสัตว์เลี้ยง (ถ้ามี) หรือฝึกทำอาหารง่ายๆ ร่วมกับพ่อแม่
เด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป : ฝึกการทำงานบ้านที่มีความละเอียด ซับซ้อนขึ้น เช่น พับผ้าห่มเอง รดน้ำต้นไม้ เมื่ออายุ 8-11 ปี ก็สามารถกวาดบ้าน ถูบ้าน ตากผ้า เก็บผ้า ล้างจาน หัดล้างห้องน้ำ หรือเริ่มฝึกทำอาหารง่ายๆได้เอง
7 เคล็ดลับสอนให้ลูกทำงานบ้าน
- เมื่ออยากให้ลูกเรียนรู้และฝึกฝนตนเองจากงานบ้าน พ่อแม่ก็ต้องลงมือทำเพื่อการเป็นแบบอย่างที่ดี
- การทำงานบ้านในทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป ลูกต้องการเวลาในการได้ทดลอง เรียนรู้และฝึกฝน
- ควรให้ลูกเริ่มต้นจากงานบ้านที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ใช้เวลานานในการทำจนลูกรู้สึกเบื่อและท้อ เพื่อเป็นการจูงใจให้ลูกอยากทำ แล้วต่อมาค่อยเพิ่มงานที่มีความซับซ้อนภายหลัง
- ช่วงแรกของการฝึกให้ลูกทำงานบ้าน ควรเริ่มต้นไปทีละงาน ให้ลูกได้ทำซ้ำๆ จนทำได้คล่องขึ้น เก่งขึ้น แล้วค่อยฝึกและสอนงานบ้านอื่นๆ ต่อไป
- สร้างบรรยากาศในการทำงานบ้านให้เป็นเรื่องสนุก เปิดเพลง ร้องเพลง ร่วมกันทำเป็นทีม หรือแข่งขันการทำงานบ้านด้วยกัน เช่น แม่กับน้องชาย พ่อกับพี่สาว
- ในการรับผิดชอบงานบ้านของลูก บางคนอาจต้องใช้เวลาในการลงมือทำให้สำเร็จ พ่อแม่จึงควรรอก่อนจะเร่ง หรือตำหนิ
- การให้กำลังใจของพ่อแม่ ถือว่าเป็นอาหารใจที่สำคัญที่จะทำให้ลูกอยากที่จะลองทำ เรียนรู้และฝึกฝน
การทำงานบ้านจึงมีประโยชน์อย่างมากในช่วงระหว่างการเติบโตของเด็กในทุกช่วงวัย เพราะนอกจากสิ่งที่เรากล่าวมาข้างต้นแล้ว งานบ้านยังสร้างสิ่งที่เราเรียกว่า “การนับถือตนเอง” (Self-esteem) ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตเมื่อเด็กต้องเติบโตขึ้น การนับถือตนเองจะถูกสะสมจากความสำเร็จของการที่เด็กได้ลงมือทำงานบ้านด้วยตนเองทีละเล็กละน้อย เป็นแรงกระตุ้นให้เด็กมีความมุมานะ ตั้งใจ และเห็นถึงคุณค่าในตนเองว่า “ฉันทำได้” ซึ่งจะเป็นพื้นฐานการเรียนรู้ที่ดีในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมต่อไป
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://th.theasianparent.com/houseworks-are-good-for-child-brain-development
https://www.roong-aroon.ac.th/?p=8856
https://bit.ly/3n0p6QM
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น
1. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ เป็นอันขาด
2. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว ... (อ่านทั้งหมด)