บุกแดนดึกดำบรรพ์ ‘สตูล’ เที่ยวไปด้วย เรียนรู้ไปด้วย
เทรนด์การท่องเที่ยวแบบใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยม คือ ‘การเดินทางเชิงความรู้’ หรือ Knowledge-based Tourism ซึ่งหมายถึงเป็นการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน หย่อนใจ แสวงหา และเรียนรู้ไปตามที่ต่างๆ ไปพร้อมกัน ซึ่งแตกต่างจากการเดินทางท่องเที่ยวแบบที่เราคุ้นเคย ที่มีเป้าหมายเพียงเพื่อการพักผ่อนเท่านั้น โดย OKMD ได้ทำการปักหมุดสุดยอดแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ประจำปี 2565 จำนวน 12 แหล่ง ตามความเหมาะสมของฤดูกาล สถานที่ตั้ง เทศกาล อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน มีทั้งแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์ เกษตรกรรม ชาติพันธุ์วิทยา เพื่อเป็นไกด์ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปสัมผัสกับไฮไลท์ในแต่ละที่ตลอดปี 2565
เปิดฉาก 1 ใน 12 สุดยอดแหล่งเรียนรู้ฯ ส่งเสริมยกระดับให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงความรู้ “แหล่งแรก” ในช่วงเดือนมกราคมของปี พ.ศ. 2565 คือ ‘จ.สตูล’ อุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geoparks) ที่ยูเนสโกประกาศรับรอง ที่ทั้งสายเที่ยวและสายกินไม่ควรพลาด!
สำหรับสายเที่ยว ด้วยความเป็น ‘ดินแดนดึกดำบรรพ์’ ทำให้สตูลมี ‘ทรัพยากรทางธรณี’ หลายแห่งสวยงาม จนกระทั่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดตระการตา อาทิ ‘เกาะเขาใหญ่’ เกาะหินปูนกลางทะเล อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล ห่างจากชายฝั่งบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 ก.ม. และอยู่ห่างจากท่าเรือปากบารา เพียงแค่ประมาณ 3-5 ก.ม. เท่านั้น
แม้จะไม่มีหลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์ แต่จาก ‘การเปรียบเทียบลำดับชั้นหิน’ กล่าวได้ว่า หินปูนสีเทานั้นเป็นหินปูนกลุ่มหินทุ่งสูงยุคออร์โดวิเชียน ส่วนหินทรายสีแดงเป็นหินกลุ่มตะรุเตายุคแคมเบรียน โดยระนาบสัมผัสระหว่างกลุ่มหินทั้งสองนั้นเป็นระนาบรอยเลื่อนที่มีการวางตัวเอียงเทไปทางทิศตะวันออก และจากการที่ชั้นหินทรายสีแดงมีการวางตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วยมุมเอียงเท 22 องศาแล้วค่อยๆ เพิ่มการเอียงเทมากขึ้นๆ จนอยู่ในแนวตั้งฉากที่บริเวณด้านใต้ของระนาบรอยเลื่อนนั้น หากนักท่องเที่ยวถ้าเดินบนสะพานจากด้านหินปูนสีเทาข้ามระนาบรอยเลื่อนไปยังด้านหินทรายสีแดง ก็เปรียบเสมือนกำลังมีอายุมากขึ้นจากยุคออร์โดวิเชียนไปเป็นยุคแคมเบรียนโดยผ่านระนาบรอยเลื่อนที่ถือว่าเป็น ‘เขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะหงาย’ นับเป็นการท่องเที่ยวทางธรณี ที่ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ไปกับความสวยงามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมาช้านาน
หากนั่งเรือออกไปกลางทะเล นอกจากจะมีเกาะแก่งมากมายอันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนรู้จักกันดี อาทิ ‘เกาะหลีเป๊ะ’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา แน่นอนว่าความสวยงาม น้ำทะเลใสๆ หาดทรายขาวๆ รวมถึงบรรยากาศของชุมชนชาวเล คือเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนอยากไปสัมผัส
สำหรับสายกิน คงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของ ‘ชาชักเมืองสตูล’ ทั้งความเข้มข้น หอม มัน โดยเฉพาะร้านดัง ‘กัมปงชาชัก’ ร้านโรตีชาชักสุดคึกคักเพราะทุกค่ำคืนจะมีผู้คนมาลิ้มรสความอร่อยของเมนูชาชักรวมทั้งโรตีที่ทุกคนต้องยกนิ้วให้
เมนูเด็ดของร้านนี้ไล่เรียงไปตั้งแต่จิบชาอพอลโลให้ชุ่มคอ แล้วต่อด้วยโรตีหวานๆ แกล้มกับชาชักอีกสักแก้ว หากยังไม่หนำใจจะกินโรตีแบบต่างๆ เพิ่ม หรือเติมด้วยเมนูของคาวอย่างมะตะบะรสชาติกลมกล่อมถึงเครื่องเทศก็เป็นทางเลือกที่ดี
นอกจากนี้ ยังมี ‘ขนมพื้นถิ่นสตูล’ จาก ‘กลุ่มผู้ผลิตขนมพื้นถิ่นเมืองสตูล’ ที่ OKMD เข้าไปร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ ‘ของว่างมรดกสยามอันดามัน’ เป็นที่รู้จัก และเป็นของที่เหมาะสำหรับการของฝากประจำ จ.สตูล 3 ชนิด ได้แก่ ‘ข้าวเหนียวอัดสังขยา’ ขนมพื้นเมืองของชาวสตูลเชื้อสายจีน ที่ทำจากข้าวเหนียวหุงผสมน้ำดอกอัญชัน กะทิ และเกลือ นำมาอัดแล้วหานชิ้นพอดีคำ รับประทานคู่กับสังขยา รสชาติจะเข้ากันได้ดี ‘บำบะ’ ขนมพื้นเมืองโบราณของชาวสตูล แป้งเหนียวนุ่ม ไส้เป็นมะพร้าวอ่อนผัดกับน้ำตาลอ้อย นำไปต้มในน้ำใบเตยจนสุก คลุกเคล้ากับถั่วเขียวกะเทาะเปลือกและมะพร้าวคั่วบดแล้วตีเบาๆ ให้แบนซึ่งเป็นที่มาของชื่อขนม และ ‘ตาหยาบ’ ขนมท้องถิ่นภาคใต้ สีสันสวยงามน่ารับประทาน แผ่นแป้งด้านนอกมีสีเขียวและกลิ่นหอมจากใบเตยและนำไปห่อไส้ขนมที่ทำจากมะพร้าวผัดกับน้ำตาลอ้อย เหมาะสำหรับรับประทานกับน้ำชาหรือกาแฟ
เปิดฉาก 1 ใน 12 สุดยอดแหล่งเรียนรู้ฯ ส่งเสริมยกระดับให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงความรู้ “แหล่งแรก” ในช่วงเดือนมกราคมของปี พ.ศ. 2565 คือ ‘จ.สตูล’ อุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geoparks) ที่ยูเนสโกประกาศรับรอง ที่ทั้งสายเที่ยวและสายกินไม่ควรพลาด!
สำหรับสายเที่ยว ด้วยความเป็น ‘ดินแดนดึกดำบรรพ์’ ทำให้สตูลมี ‘ทรัพยากรทางธรณี’ หลายแห่งสวยงาม จนกระทั่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดตระการตา อาทิ ‘เกาะเขาใหญ่’ เกาะหินปูนกลางทะเล อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล ห่างจากชายฝั่งบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 ก.ม. และอยู่ห่างจากท่าเรือปากบารา เพียงแค่ประมาณ 3-5 ก.ม. เท่านั้น
ปราสาทหินพันยอด
ภาพ : www.satun-geopark.com
ถ้ำเล สเตโกดอน (Tham Le Stegodon)
ภาพ : www.satun-geopark.com
เขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะหงาย
ภาพ : www.satun-geopark.com
แม้จะไม่มีหลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์ แต่จาก ‘การเปรียบเทียบลำดับชั้นหิน’ กล่าวได้ว่า หินปูนสีเทานั้นเป็นหินปูนกลุ่มหินทุ่งสูงยุคออร์โดวิเชียน ส่วนหินทรายสีแดงเป็นหินกลุ่มตะรุเตายุคแคมเบรียน โดยระนาบสัมผัสระหว่างกลุ่มหินทั้งสองนั้นเป็นระนาบรอยเลื่อนที่มีการวางตัวเอียงเทไปทางทิศตะวันออก และจากการที่ชั้นหินทรายสีแดงมีการวางตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วยมุมเอียงเท 22 องศาแล้วค่อยๆ เพิ่มการเอียงเทมากขึ้นๆ จนอยู่ในแนวตั้งฉากที่บริเวณด้านใต้ของระนาบรอยเลื่อนนั้น หากนักท่องเที่ยวถ้าเดินบนสะพานจากด้านหินปูนสีเทาข้ามระนาบรอยเลื่อนไปยังด้านหินทรายสีแดง ก็เปรียบเสมือนกำลังมีอายุมากขึ้นจากยุคออร์โดวิเชียนไปเป็นยุคแคมเบรียนโดยผ่านระนาบรอยเลื่อนที่ถือว่าเป็น ‘เขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะหงาย’ นับเป็นการท่องเที่ยวทางธรณี ที่ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ไปกับความสวยงามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมาช้านาน
บ่อเจ็ดลูก
ภาพ : www.satun-geopark.com
หากนั่งเรือออกไปกลางทะเล นอกจากจะมีเกาะแก่งมากมายอันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนรู้จักกันดี อาทิ ‘เกาะหลีเป๊ะ’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา แน่นอนว่าความสวยงาม น้ำทะเลใสๆ หาดทรายขาวๆ รวมถึงบรรยากาศของชุมชนชาวเล คือเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนอยากไปสัมผัส
หาดสันหลังมังกร ตันหยงโป (Had San Lang Mangkorn Tan Yong Po)
ภาพ : www.satun-geopark.com
Photo by Calum Lewis on Unsplash
สำหรับสายกิน คงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของ ‘ชาชักเมืองสตูล’ ทั้งความเข้มข้น หอม มัน โดยเฉพาะร้านดัง ‘กัมปงชาชัก’ ร้านโรตีชาชักสุดคึกคักเพราะทุกค่ำคืนจะมีผู้คนมาลิ้มรสความอร่อยของเมนูชาชักรวมทั้งโรตีที่ทุกคนต้องยกนิ้วให้
เมนูเด็ดของร้านนี้ไล่เรียงไปตั้งแต่จิบชาอพอลโลให้ชุ่มคอ แล้วต่อด้วยโรตีหวานๆ แกล้มกับชาชักอีกสักแก้ว หากยังไม่หนำใจจะกินโรตีแบบต่างๆ เพิ่ม หรือเติมด้วยเมนูของคาวอย่างมะตะบะรสชาติกลมกล่อมถึงเครื่องเทศก็เป็นทางเลือกที่ดี
นอกจากนี้ ยังมี ‘ขนมพื้นถิ่นสตูล’ จาก ‘กลุ่มผู้ผลิตขนมพื้นถิ่นเมืองสตูล’ ที่ OKMD เข้าไปร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ ‘ของว่างมรดกสยามอันดามัน’ เป็นที่รู้จัก และเป็นของที่เหมาะสำหรับการของฝากประจำ จ.สตูล 3 ชนิด ได้แก่ ‘ข้าวเหนียวอัดสังขยา’ ขนมพื้นเมืองของชาวสตูลเชื้อสายจีน ที่ทำจากข้าวเหนียวหุงผสมน้ำดอกอัญชัน กะทิ และเกลือ นำมาอัดแล้วหานชิ้นพอดีคำ รับประทานคู่กับสังขยา รสชาติจะเข้ากันได้ดี ‘บำบะ’ ขนมพื้นเมืองโบราณของชาวสตูล แป้งเหนียวนุ่ม ไส้เป็นมะพร้าวอ่อนผัดกับน้ำตาลอ้อย นำไปต้มในน้ำใบเตยจนสุก คลุกเคล้ากับถั่วเขียวกะเทาะเปลือกและมะพร้าวคั่วบดแล้วตีเบาๆ ให้แบนซึ่งเป็นที่มาของชื่อขนม และ ‘ตาหยาบ’ ขนมท้องถิ่นภาคใต้ สีสันสวยงามน่ารับประทาน แผ่นแป้งด้านนอกมีสีเขียวและกลิ่นหอมจากใบเตยและนำไปห่อไส้ขนมที่ทำจากมะพร้าวผัดกับน้ำตาลอ้อย เหมาะสำหรับรับประทานกับน้ำชาหรือกาแฟ
ช่วงต้นปีเป็นฤดูกาลการท่องเที่ยวของทะเลอันดามัน แหล่งเรียนรู้พื้นที่ ‘สตูล’ จึงเหมาะแก่การเดินทางไปสัมผัสความงดงามของท้องทะเลพร้อมกับเรียนรู้ประวัติศาสตร์ทางโบราณคดีและธรณีวิทยายังดินแดนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งนี้
ส่วนอีก 11 สุดยอดแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ประจำปี 2565 ที่ OKMD ได้คัดสรร ใน 11 เดือนที่เหลือ ได้แก่
- กุมภาพันธ์ : อุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท จ.อุดรธานี เป็นแหล่งโบราณคดีที่แสดงพัฒนาการทางสังคมและศาสนาของมนุษย์ ช่วงเดือนนี้อากาศเย็นเหมาะกับการเดินทางเที่ยวชม
- มีนาคม : พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย จ.ชลบุรี พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ริมทะเล เดือนนี้เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอ่าวไทย ผู้เข้าชมจะได้ชื่นชมกับจุดชมวิวในมุมสูง
- เมษายน : โฮงเฮียนสืบสานล้านนา จ.เชียงใหม่ เมษายนตรงกับเทศกาลสงกรานต์ นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวเชียงใหม่ นอกจากจะได้องค์ความรู้จากปราชญ์ชาวบ้านล้านนาแล้วยังมีกิจกรรมพิเศษในช่วงเทศกาลสงกรานต์อีกด้วย
- พฤษภาคม : อุทยานธรรมชาติวิทยาสิริรุกขชาติ และพฤกษาดุริยางค์ (พิพิธภัณฑ์ต้นไม้ดนตรี) ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ต้นไม้เริ่มเขียวขจี สวยงาม และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สมุนไพรอีกด้วย
- มิถุนายน : Space Inspirium อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ จ.ชลบุรี ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ในร่ม ดังนั้นแม้เป็นช่วงฤดูฝน นักท่องเที่ยวก็สามารถเข้าชมได้
- กรกฎาคม : โครงการชั่งหัวมันตามแนวพระราชดำริ จ.เพชรบุรี ก่อตั้งขึ้นในเดือนนี้ โครงการนี้ตั้งอยู่กลางหุบเขาที่งดงาม เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาหาความรู้ด้านเกษตรกรรมและพลังงาน
- สิงหาคม : สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ จ.เชียงใหม่ มีทางเดินลอยฟ้าที่ออกแบบให้กลมกลืนกับการชมธรรมชาติ สถานที่แห่งนี้มีการจัดกิจกรรมพิเศษเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในเดือนนี้
- กันยายน : อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ เดือนนี้เป็นหนึ่งในสี่ช่วง ที่เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ปราสาทพนมรุ้ง
- ตุลาคม : วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร ถือเป็นมหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรกของไทย เป็นช่วงที่เหมาะแก่การศึกษาเรื่องสุขภาวะ และเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวด้วย
- พฤศจิกายน : อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย ตรงกับเทศกาลลอยกระทง ซึ่งสุโขทัยถือเป็นต้นกำเนิดของเทศกาลนี้ จึงเหมาะกับการมาเยือนในช่วงเวลานี้อย่างยิ่ง
- ธันวาคม : หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย ที่นี่ให้ความรู้และมีความน่าตื่นเต้น ประกอบกับเป็นช่วงฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวมักนิยมมาเยือนภาคเหนือ
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น
1. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ เป็นอันขาด
2. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว ... (อ่านทั้งหมด)